เจาะงบการเงิน4ยักษ์ธุรกิจยางพารา3ปีหืดจับ
3 ปี 4 ยักษ์ธุรกิจยางพาราไทยในตลาดหุ้นหืดขึ้นคอ พบผลประกอบการผันผวน กำไรลดต่อเนื่อง บางปีขาดทุน
ราคายางพาราตกต่ำไม่เพียงส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวสวนยางเท่านั้น บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ส่งออกยางพาราของไทยที่ก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะบริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด หนึ่งใน 5 ผู้ผลิตและส่งออกยางพารา ยางธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีผลการดำเนินงานในปี 2561 ขาดทุนสูงถึง 1,253.12 ล้านบาท
ขณะที่ 4 บริษัทประกอบธุรกิจยางพาราที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น จากการตรวจสอบของ“ฐานเศรษฐกิจ”พบว่าตั้งแต่ปี 2559 จนถึงไตรมาส 2 ของปีนี้ มีผลประกอบการที่ผันผวนแทบทั้งสิ้น
เริ่มจากบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (STA) ผลประกอบการในปี 2559 ขาดทุน 757.99 ล้านบาท ปี 2560 ขาดทุน 1,437.05 ล้านบาท ก่อนพลิกมามีกำไร 2,064.36 ล้านบาทในปี 2561 แต่ล่าสุดในไตรมาส2ปีนี้กลับไปขาดทุนอีกครั้ง 357.64 ล้านบาท
บริษัท ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (HFT) แม้ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านพบว่ากำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2559 กำไรสุทธิ 337.76 ล้านบาท ปี 2560 กำไร 255.65 ล้านบาท ปี 2561 กำไรลดลงเหลือ 223.71 และล่าสุดในไตรมาส 2 ปีนี้กำไร 93.60 ล้านบาท
บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TRUBB) ผลการดำเนินงานยังคงผันผวน จากปี 2559 ที่ขาดทุน 168.08 ล้านบาท กลับมามีกำไร144.41 ล้านบาทในปี 2560 และ 18.22 ล้านบาทในปี 2561 แต่ในไตรมาส2ปีนี้ขาดทุน 82.96 ล้านบาท
ขณะที่บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NER) ปี 2561 กำไร 486.46 ล้านบาท และไตรมาส2ปีนี้กำไร 267.23 ล้านบาท