ชี้ช่อง หุ้นปรับฐาน ทยอยเก็บ LTF RMF

22 ส.ค. 2562 | 00:11 น.

บลจ.เผยช่วงหุ้นไทยปรับฐานลง หนุนเม็ดเงินทยอยเก็บ LTF และ RMF คาดแนวโน้มปลายปียังเข้าซื้อปกติ แม้เป็นปีสุดท้ายได้ลดหย่อนภาษี ยันยังบริหาร LTF ต่อ พร้อมเปลี่ยนเป็นกองทุนรวมเปิดทั่วไป ชี้อาจเติบโตช้าๆ แต่ผลตอบแทนระยะยาวยังดี

ความกังวลของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจโลกถดถอยกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วยที่ดัชนีตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ออกอาการทรงตัวในแดนลบ หลังจากดัชนีทรุดหนักจนหลุดระดับ 1600 จุดไปแล้วเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา แถมการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยังทรุดหนักกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก เพราะขยายตัวเพียง 2.3% 

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นจังหวะและโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีเงินพร้อม ที่จะทยอยเข้าซื้อกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)เก็บไว้ก่อน ไม่ต้องรอช่วงปลายปี ซึ่่งที่ผ่านมามีเม็ดเงินเข้ามาซื้อในกองทุน LTF และ RMF บ้าง แต่ยังไม่ชัดเจนเท่ากับช่วงปลายปีที่เป็นฤดูกาลเข้าซื้อ เพื่อให้ได้สิทธิทางภาษี

ชี้ช่อง  หุ้นปรับฐาน  ทยอยเก็บ LTF RMF

อย่างไรก็ตาม มองว่าแนวโน้มการเข้าซื้อ LTF ในปลายปีนี้ยังคงเป็นปกติเหมือนทุกปี แม้จะเป็นปีสุดท้ายที่จะได้สิทธิทางภาษี เนื่องจากนักลงทุนได้เรียนรู้การลงทุนแล้ว โดย LTF ยังคงเป็นกองทุนรวมที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝาก ตราสารหนี้ และหุ้นกู้ ไม่สามารถจูงใจได้ อีกทั้งดอกเบี้ยเป็นขาลง แต่การลงทุนในกองทุนรวมยังไปต่อได้ ซึ่่งจากการหารือกับสมาคมบลจ.มีทิศทางเดียวกันคือ จะยังบริหาร LTF ต่อไป

แม้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ LTF จะหมดลงในสิ้นปีนี้ แต่ยังมีเม็ดเงินของนักลงทุนที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีสุดท้ายเข้ามาเป็นปกติ โดย LTF จะไม่มีการยกเลิก แต่จะเปลี่ยนเป็นกองทุนรวมเปิดเหมือนกองทุนทั่วไป ซึ่งยังมีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ ขณะที่เม็ดเงินใน LTF ปีหน้าอาจจะเติบโตช้าๆ ไม่หวือหวา ส่วนกองทุนใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนยังเป็นแนวคิด ไม่เป็นรูปเป็นร่าง ซึ่่งคาดว่ากองทุนใหม่จะเติบโตต่อได้ เพราะคนทำงานยังต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายและเก็บออม

ด้านนางสาวดุษณี เกลียวปฏินนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารผลิตภัณฑ์การออม ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า กองทุนหุ้นยั่งยืน (SEF) ที่จะเข้ามาใหม่นั้น มองว่า ภาพรวมอาจทำให้ตลาดกองทุนรวม LTF และ RMF ชะลอลงไปบ้าง เนื่องจากวงเงินลดลงจากเพดานเดิม 500,000 บาท เหลือ 250,000 บาท จากที่เน้นกลุ่มคนที่มีรายได้สูงเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อปีเหลือกลุ่มที่มีรายได้ 50,000 บาท จึงเป็นการขยับฐาน ซึ่งผลกระทบขึ้นกับการโปรโมตให้กลุ่มคนระดับกลางหันมาลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน แต่คาดว่าไตรมาส 4 จะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนใน LTF ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากจะมีกลุ่มที่ยังไม่ได้ตัดสินใจลงทุนหันมาลงทุน

ทั้งนี้ จากการประเมินผลตอบแทน SEF เฉลี่ยที่ 5-8% กรณีที่ถือไว้ 5 ปีขึ้นไป ใกล้เคียงกับการลงทุนใน LTF และ RMF เดิม แต่กรณีถือครบ 7 ปี ผลตอบแทนน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 7-8% อย่างไรก็ตาม คนที่ซื้อ LTF และ RMF ไว้ไม่ต้องรีบขาย สามารถถือต่อไปได้ เพราะลูกค้าสามารถเปลี่ยนมิกซ์พอร์ตการลงทุนได้ โดยผลตอบแทนไม่แตกต่างกันมาก แค่กองทุนรวม LTF ลงทุนในหุ้นไทย ส่วน SEF จะลงทุนในหุ้นยั่งยืน และโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน

ปัจจัยกระตุ้นคงไม่แตกต่าง เพราะเป็นการขยับฐานให้คนเข้ามาได้มากขึ้น แต่จะเข้ามามากหรือน้อย ขึ้นกับการโปรโมตและต้องรีบสื่อสารว่า คนที่ซื้อ LTF และ RMF ไม่ต้องรีบขาย เพราะจากนี้คงเริ่มเห็นกองทุน SEF ทยอยออกมา คาดว่าจะเห็นการแข่งขันในเรื่องส่วนลด แต่ภาพรวมตลาดคงดร็อปลงแน่นอน

รายงานข่าวจาก สมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวม RMF และกองทุนรวม LTF ในเดือนกรกฎาคม 2562 กองทุนรวม RMF อยู่ที่ 287,482.18 ล้านบาท ส่วนกองทุนรวม LTF อยู่ที่ 394,870.00 ล้านบาท ขณะที่ บลจ.ที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) สูงที่สุด คือ บลจ.บัวหลวง จก. โดยมีมาร์เก็ตแชร์กองทุนรวม LTF อยู่ที่ 28.26% และกองทุนรวม RMF อยู่ที่ 27.32%

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 22-24 สิงหาคม 2562

ชี้ช่อง  หุ้นปรับฐาน  ทยอยเก็บ LTF RMF