“สุภา”ยัน ปมติดสินบนคดีปาล์มอินโดฯ ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง

19 ส.ค. 2562 | 08:27 น.

“สุภา” แจงไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ปมถูกกล่าวหาให้สินบนพยานคดีปลูกปาล์มฯ  ชี้ทุกคนมีสิทธิ์สงสัย ต้องเชื่อมั่นใจองค์กร  ด้านประธาน ป.ป.ช.ย้ำการไต่สวนพยานที่อินโดฯ ป.ป.ช.ไทย ไม่มีอำนาจไปดำเนินการ

 

     สุภา ปิยะจิตติ

วันที่ 19 ส.ค. 2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ หัวข้อ  การผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สู่ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต พ.ศ. 2562 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของงานสัมมนา มีผู้เข้าร่วมงานถามกรณีที่พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ระบุว่าเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับการทุจริต แต่รอบ ๆ ตัวประธานกรรมการ ป.ป.ช. มีคนทุจริตอยู่ และอาจมีพฤติการณ์เกี่ยวพันในคดี พีทีที.จีอี. เครือ ปตท. ลงทุนปลูกปาล์มที่อินโดนีเซียหรือไม่ 

 

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ได้ตอบคำถามดังกล่าวว่า กรณีที่ถูกพาดพิงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซีย เป็นการไต่สวนระหว่างประเทศ โดย ป.ป.ช.ไทย ต้องส่งคำถามที่จะไต่สวนพยานให้กับ ป.ป.ช.อินโดนีเซียเสียก่อน หลังจากนั้นเดินทางไปที่สำนักงาน ป.ป.ช.อินโดนีเซีย ฝ่าย ป.ป.ช.ไทย และฝ่ายอัยการ เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ไม่มีสิทธิตั้งคำถาม และการถามคำถามเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.อินโดนีเซีย จึงนึกไม่ออกว่ามีการกล่าวหาให้สินบนพยานจะทำได้อย่างไร ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบกระแสข่าวที่อ้างว่าได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตำรวจอินโดนีเซียนั้น ไม่พบว่ามีการร้องทุกข์ดังกล่าว ยืนยันว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำงานหนักกันทุกคน

 

จากนั้น น.ส.สุภา ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า เป็นเรื่องปกติที่ ป.ป.ช. จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ต้องไปดูในข้อกฎหมายว่าการฟ้องร้องดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจนหรือไม่ เพราะในบางกรณีหาก ป.ป.ช. นิ่งเฉยไปเสียหมด ประชาชนจะสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

 

ถามถึงกรณีที่ประธานสภาหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทยร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กระทบต่อส่วนตัว และองค์กร ป.ป.ช. จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการอย่างไรหรือไม่ น.ส.สุภา กล่าวว่า คงไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนมีสิทธิ์สงสัย ต้องเชื่อมั่นในองค์กร

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ

ด้านพล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า คดีการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซียเท่าที่ทราบมีอยู่ 5 สำนวน เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว และบางทีอาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หากพบผู้กระทำผิดเพิ่ม ทั้งนี้ กระบวนการของเราค่อนข้างให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาอย่างมาก เปิดโอกาสให้ชี้แจง ขอตรวจพยานหลักฐาน หรือขอขยายเวลา ให้โอกาสหมด แม้แต่เมื่อถูกชี้มูลไปแล้ว ถ้าเป็นเรื่องทางวินัย ให้ผู้บังคับบัญชามีสิทธิ์ขอทบทวนได้ ส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยกคำร้อง หรือรับไว้พิจารณาต้องดูว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่หรือไม่ การทำงานตามกระบวนการขั้นตอนอาจทำให้ดูเหมือนคดีล่าช้า แต่จริง ๆ ให้โอกาสมาก

 

ส่วนกรณีที่อดีตประธานหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ น.ส.สุภา และ ป.ป.ช. ว่ามีการสร้งพยานหลักฐานเท็จนั้น อย่างที่เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์และตรวจสอบแล้วไม่ได้รับการยืนยันข่าวว่ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.สุภา ที่อินโดนีเซีย แต่อาจเป็นเรื่องกระบวนการอาญาของอินโดนีเซีย ไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากมีผลกับ ป.ป.ช. การติดต่อจะต้องแจ้งมาทางช่องทางระหว่างประเทศ เหมือนตอนที่ ป.ป.ช. ไปไต่สวนพยานที่อินโดนีเซีย ต้องทำเรื่องขอความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศผ่านอัยการสูงสุด (อสส.) ส่วนเรื่องการไต่สวนพยานที่อินโดนีเซีย ป.ป.ช.ไทย ไม่มีอำนาจไปดำเนินการ เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.อินโดนีเซีย

เมื่อถามว่าความพยายามร้องเรียน น.ส.สุภา จะกระทบการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซียหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ไม่กระทบ อาจทำให้ต้องมาตรวจสอบเรื่องราวต่าง ๆ และดูข้อกฎหมาย แต่เบื้องต้นยังไม่กระทบอะไร อาจทำให้สังคมมองได้หลายทาง อาจเสียเวลาที่จะต้องมานั่งชี้แจงหรืออะไรต่าง ๆ 

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวนี้เหมือนทำลายความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นปกติ เนื่องจากเป็นคดีสำคัญระหว่างประเทศ มีความเสียหายจำนวนมาก ผู้ที่ถูก ป.ป.ช. กล่าวโทษต้องพยายามชี้แจง นำพยานหลักฐานในส่วนของเขามา ป.ป.ช. ให้โอกาสเต็มที่ เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันในพยานหลักฐานและคดีต่าง ๆ มองว่าเป็นเรื่องปกติ ยิ่งเรื่องใหญ่ยิ่งเจออะไรแบบนี้ เป็นของธรรมดา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้หวั่นไหว เป็นส่วนหนึ่งของวิถีการทำงานของ ป.ป.ช. อยู่แล้ว

 

เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีนี้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า คราวที่แล้วที่บอกไปว่าเกิน 80% แล้ว บางเรื่องไปไกลแล้ว ถ้าเสร็จเมื่อไสัญญาว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะชี้แจงให้ทราบ

เมื่อถามว่า สาเหตุที่คดีนี้ค้างอยู่ เพราะผู้ถูกกล่าวหาไปฟ้องต่อศาลหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า คดีนี้มีทั้งฟ้องที่ศาลไทย ทำให้กระบวนการนี้ชะงักหมด ดังนั้นต้องมาดูว่าคนที่ถูกฟ้องมีผลต่อการไต่สวนหรือไม่ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ มีผลต่อคดีอย่างไร ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม บางเรื่องอาจต้องถอนตัว ต้องดูหมด ถ้าทำคดีครบถ้วน แต่ไปแพ้เพราะพลาดจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องระวัง

“สุภา”ยัน ปมติดสินบนคดีปาล์มอินโดฯ   ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง