เมื่อพญาอินทรีย์ไล่ขยี้พญามังกร ค้าไทย-ค้าโลก "ทรุดยาว”

15 ส.ค. 2562 | 07:53 น.

รายงาน

เมื่อพญาอินทรีย์ไล่ขยี้พญามังกร

ค้าไทย-ค้าโลก"ทรุดยาว

เมื่อสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอมเริกาที่มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อและขยายวงกว้างขึ้นมากกว่าแค่การค้าระหว่างประเทศ และลามไปถึงสงครามด้านเทคโนโลยีและด้านการเงินระหว่างประเทศด้วย อีกทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างเป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจของโลก ในขณะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ผลิตสินค้าส่งออกไปยังทั้งสองตลาดใหญ่ จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  

กระทรวงพาณิชย์ในฐานะที่กำกับดูแลภาคการส่งออกของประเทศจึงต้องเร่งหาแนวทาง/มาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพการส่งออกไทยให้ได้ แม้ว่าในครึ่งปีแรกการส่งออกไทยจะยังติดลบ 2.9% โดยมีมูลค่า122,971 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ดังนั้นในครึ่งปีหลังหรือในเดือนที่เหลือของปีนี้กระทรวงพาณิชย์จะต้องเร่งผลักดันการส่งออกไทยให้ขยายตัวตามเป้าท้าทายที่ 3% แม้ว่าจะเป็นความหวังที่ริบหรี่ก็ตาม

ระดมสมองกูรูแลกเปลี่ยนความเห็น

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า กระทรวงพาณิยช์ได้มีการประเมินสถานการณ์สงครามการค้าอย่างใกล้ชิด มีการประเมินภาพรวมการส่งออกไทยในครึ่งปีหลังเพื่อผลักดันการส่งออกไปให้ถึงเป้าหมาย 3% ที่ตั้งไว้  ล่าสุดกระทรวงได้ จัดงานสัมมนา “มหากาพย์สงครามการค้า เมื่อพญาอินทรีไล่ขยี้พญามังกร” ซึ่งเป็นเวทีในการระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองของภาคส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ เพื่อให้กับผู้ประกอบการได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกและเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและใช้ความรู้ดังกล่าวในการปรับตัวเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจและแนวทางรับมือผลกระทบ

ภายใต้วิกฤติดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์เชื่อมั่นว่าเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวม   ยังมีขีดความสามารถและภูมิคุ้มกันที่จะรองรับแรงปะทะจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงยังมีโอกาส   และช่องทางส่งออกไปทดแทนสินค้าสหรัฐฯ และสินค้าจีนได้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องนุ่งห่ม หรืออุตสาหกรรมเบา ขณะที่การส่งออกสินค้าไทยยังมีแต้มต่อจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร (GSP) ในหลายสินค้าที่มีศักยภาพจะไปทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯได้

เมื่อพญาอินทรีย์ไล่ขยี้พญามังกร ค้าไทย-ค้าโลก "ทรุดยาว”

 

เร่งแก้ไขอุปสรรคปัญหาทางการค้า

นอกจากนี้ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ เร่งเจรจาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้า สร้างหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์กับประเทศคู่ค้า เช่น เจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมถึงเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และรื้อฟื้นการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีของไทยกับสหภาพยุโรป(อียู)ใหม่ การพัฒนาด้าน E-Commerce กระทรวงพาณิชย์ไม่เพียงมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการมีความรู้และเข้าใจความสำคัญของการค้าผ่านช่องทาง E-Commerce โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการขนาดย่อม (Micro SMEs) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสหกรณ์ และเกษตรกร และล่าสุดได้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์(กรอ. พาณิชย์) ขึ้นเป็นครั้งแรก ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะปัญหาและอุปสรรคด้านการส่งออก รวมถึงผลักดันให้การส่งออกของไทยให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

เมื่อพญาอินทรีย์ไล่ขยี้พญามังกร ค้าไทย-ค้าโลก "ทรุดยาว”

นักวิชาการ-เอกชนมั่นใจเป็นโอกาสของไทย

นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัยและ คำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวระหว่างการเสวนาหัวข้อ "สงครามการค้า พญามังกร VS พญาอินทรี โอกาสหรือวิกฤติไทย" ว่า ปัญหาสงครามการค้า ยังมองว่ายังมีโอกาสที่จะการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในการเลือกตั้งของสหรัฐครั้งหน้านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวประธานาธิบดีคนใหม่หรือไม่ก็ตาม แต่สหรัฐฯยังมีความเกรงกลัวต่อจีนที่เศรษฐกิจยังขยายตัวและมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี โดยที่จีนมีเป้าหมายจะเป็นประเทศผู้ส่งออกด้านเทคโนโลยี อีกทั้งการขยายอิทธิพลไปยังประเทศต่างๆ ขึ้นมาแทนสหรัฐฯ ที่เคยเป็นประเทศมหาอำนาจมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลสหรัฐฯก็ยังเชื่อว่ามีความกังวลการขยายอิทธิพลของจีนซึ่งอาจจะทำให้สหรัฐออกมาตรการต่าง ๆ ขึ้นมาเพิ่มเติมได้ในอนาคต

ด้านนายโจ ฮอร์น พัธโนทัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยุทธศาสตร์ 613 จำกัด และผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุนระหว่างประเทศ (ไทย-จีน) กล่าวว่า  สงครามทางการค้าในขณะนี้เป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสหรัฐฯกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง มองว่าแม้สหรัฐฯจะได้พรรคใดขึ้นมาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ ก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์จีนอย่างใกล้ชิด  เพราะ ปัญหาความขัดแย้งของ 2 ประเทศก็ยังคงมีอยู่ แต่จะมากขึ้นหรือน้อยลงอย่างไรนั้น เชื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนหรือปรับรูปแบบจากเดิมไปบ้างแต่จะเป็นมาตรการใดที่ออกมาอาจจะต้องรอติดตามพรรครัฐบาลที่เกิดขึ้นในเวลานั้น

เมื่อพญาอินทรีย์ไล่ขยี้พญามังกร ค้าไทย-ค้าโลก "ทรุดยาว”