จับตาวิกฤติฮ่องกง

14 ส.ค. 2562 | 06:35 น.

บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3496 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 15-17 ส.ค.2562

 

จับตาวิกฤติฮ่องกง

 

                  สถานการณ์การชุมนุมประท้วงในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหลังการประกาศยกระดับการชุมนุมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้ชุมนุมประท้วงเข้าปิดสนามบินนานาชาติฮ่องกง ส่งผลให้สนามบินฮ่องกงต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด เมื่อบ่ายวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม2562 ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลเป็นระยะๆ มีผู้บาดเจ็บหลายราย และทางการจีนเคลื่อนพลเต็มอัตรามาซ้อมปราบจลาจลอยู่แถบชายแดนฮ่องกง พร้อมถ้อยแถลงทางการที่ออกมาว่าการยึดสนามบินฮ่องกงเป็นการก่อการร้ายและมีชาติตะวันตกให้การหนุนหลังผู้ชุมนุม

                  สถานการณ์ในฮ่องกงกลับสู่ปกติชั่วคราวหลังเที่ยง ของวันที่ 13 สิงหาคม 2562 การบินกลับมาทำการปกติอีกครั้ง ก่อนหน้านี้สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ของแต่ละประเทศได้ออกหนังสือเตือนให้พลเมืองของแต่ละประเทศหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าฮ่องกงและให้หลีกเลี่ยงพื้นที่การชุมนุม

                  การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 สัปดาห์ กำลังกัดกร่อนเศรษฐกิจฮ่องกงอย่างรุนแรงและทำลายภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางการเงินและการท่องเที่ยวที่เปิดเสรีและปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค โดยหลายฝ่ายพากันหวั่นวิตกว่าหากปล่อยให้ยืดเยื้อนานกว่านี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเกินแก้ไขเยียวยา โดยนับตั้งแต่ที่การประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนจนถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฮ่องกงเสียหายไปแล้วเฉียดๆ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 15.5 ล้านล้านบาท ขณะที่ดัชนีหุ้นฮั่งเส็งของตลาดหุ้นฮ่องกงทำสถิติดิ่งลงสู่ระดับตํ่าสุดรอบ 7 เดือน

                  ผลพวงของการชุมนุมประท้วง จะกระทบเศรษฐกิจของฮ่องกงเหมือนกับคลื่นยักษ์สึนามิ เสียงจากผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ที่ประเมินร่วมกับนักธุรกิจชั้นนำพร้อมแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายนำความสงบคืนฮ่องกงโดยเร็ว เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นร้ายแรงที่สุดหลังจากเผชิญวิกฤติโรคซาร์สเมื่อปี 2546 ที่ทำให้เกาะฮ่องกงหนึ่งในศูนย์กลางการค้าการเงินของโลกบอบชํ้ามาแล้ว

                  การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงได้กลายเป็นแรงกดดันและสร้างความกังวลไปทั่วโลก ที่จะเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งจะจุดชนวนไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ นอกเหนือจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ แน่นอนประเทศเล็กๆอย่างไทยที่ผูกพันการค้ากับจีน ฮ่องกงและประเทศเอเชียอื่น จำนวนมหาศาล ย่อมได้รับผลกระทบอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ รัฐบาลไทยจึงต้องจับตาพัฒนาการสถานการณ์ในฮ่องกงอย่างใกล้ชิด พร้อมกับประเมินความเสี่ยงผลกระทบและหามาตรการรองรับแรงกระแทกทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะซํ้าเติมให้เศรษฐกิจไทยยํ่าแย่ลงไปมากกว่าเดิม