เอแซ็ป เตรียมส่งฟีเจอร์ใหม่ผ่านแอพรถเช่า

“เอแซ็ป” ลุยไตรมาส 4 ด้วยการเสริมทัพบริการผ่านแอพพลิเคชัน asap GO เปิดจองรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ ก.ย.นี้ พร้อมเดินหน้าขายแฟรนไชส์ asap Select เฟส 2      

นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจรสำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับภายใต้แบรนด์ asap (เอแซ็ป) กล่าวว่า ภาพรวมรถยนต์ให้เช่าในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี และคาดว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก

โดยบริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจรถยนต์ให้เช่าที่คิดค่าบริการตามจริง หรือ asap GO ไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก 8-10 แห่ง พร้อมพัฒนาฟีเจอร์แอพพลิเคชั่น asap รองรับการขยายให้บริการไปสู่รถยนต์ลีมูนซีนให้เช่าพร้อมคนขับ รองรับความต้องการใช้ของลูกค้าบุคคลที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ขยายบริการดังกล่าวเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ asap GO ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้  ในส่วนธุรกิจ asap Select  ซึ่งเป็นธุรกิจแฟรนไชส์รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและจำหน่ายรถยนต์มือสอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายจุดบริการให้เข้าถึงลูกค้ารายย่อย และเป็นศูนย์รวมของการให้บริการรถยนต์อย่างครบวงจร รองรับการให้บริการรถเช่าระยะสั้น และรถมือสองตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด จะมีกำหนดการเปิด asap Select สาขาแรกที่โคราช ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้  และภายในปีนี้คาดว่าจะทยอยเปิดอีก 3 แห่ง ได้แก่ นนทบุรี  อุบลราชธานี และเชียงใหม่

พร้อมเตรียมเปิดรับสมัครแฟรนไชส์ asap Select เฟส 2 แก่นักลงทุนที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจร่วมกับ ASAP  โดย ASAP จะให้การสนับสนุนรถยนต์ให้เช่าและรถยนต์มือสองคุณภาพดีที่นำมาจำหน่ายให้แก่ผู้ที่สนใจซื้อแฟรนไชส์ พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังจะเปิดให้บริการ ATT U PARK ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ asap Auto Park อย่างเป็นทางการภายในสิ้นปีนี้อีกด้วย

นายทรงวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในส่วนของผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2562) บริษัทฯ ยังรักษาอัตราการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม1,519.94 ล้านบาท เติบโต 22% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11.92 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/62 (เมษายน-มิถุนายน 2562) ทำรายได้รวม 757.61 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.04 ล้านบาท