รอยร้าวครม. ก็แค่ข่าวลือ

งานใหญ่ของรัฐบาล เวทีชี้แจงนโยบายรัฐบาล เมื่อ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา คนนั่งฟัง 800-900 คน เป็นคณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ทุกกระทรวง อธิบดีทุกกรม ผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทุกหน่วย ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผู้นำเหล่าทัพ ทหารตำรวจ ผู้นำภาคธุรกิจเอกชน องค์การมหาชน หน่วยงานอิสระฯ

จะไม่อลังการได้อย่างไร เพราะคนที่พูดบนเวที คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี 4 คน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ส่วน นายวิษณุ เครืองาม มาร่วมงานแต่ไม่ได้ขึ้นพูดบนเวที

ผมก็ไปนั่งฟังการชี้แจงนโยบาย สิ่งที่ถอดรหัสของงานนี้ได้คือ 1. รัฐบาลต้องการสื่อสารนโยบายโดยตรง จากที่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาไปยังทุกหน่วยงานให้นำไปปฏิบัติ 2. ต้องการลบภาพการทำงานที่มีสังคมบางส่วนมองว่าเป็นรัฐบาลพรรคร่วม ไม่ลงรอย ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ และไม่สามารถสั่งงานข้ามกระทรวงได้

ไฮไลต์ที่ชวนให้คิดในมุมมองผมคงอยู่ที่ข้อ 2 เพราะเท่าที่ฟังเกือบ 3 ชั่วโมง ทุกคนตั้งแต่บิ๊กตู่ จนถึง รองนายกฯทั้ง 4 คน มีคีย์เมสเสจบางจุดที่ต้องการสื่อสารไปแบบนั้น

เริ่มจาก นายกลุงตู่ พูดตอนหนึ่งว่า “ผมมีความสุขที่ได้บรรดาเพื่อนๆ ของผมเข้ามาทำงานกับผม เพื่อนๆ ที่พี่น้องเลือกกันเข้ามา ซึ่งก็ต้องมาดูแลข้าราชการกันต่อไปในอนาคตด้วย เพราะฉะนั้นข้าราชการก็ต้องให้ความร่วมมือ ระมัดระวังในการทำงาน ทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทุกอย่างเราต้องดูแลซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ผมก็ถือโอกาสนี้กล่าวกับท่านเพียงเท่านี้ หวังว่าทุกคนคงเข้าใจในเจตนารมณ์ของผม ผมไม่ใช่คนเก่งคนเดียว ไม่ใช่ แต่ผมจะเป็นผู้นำพาทุกคนทำงานร่วมกันให้ได้ เป็นการบูรณาการ ไม่มีใครหรอกครับทำงานสำเร็จได้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีวีรบุรุษ วีรบุรุษส่วนใหญ่มีเหมือนกันแต่ตายไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นกล้าคนเดียวไม่ได้ มันต้องไปด้วยกันทั้งหมด”

 ด้านรองนายกสมคิดฯ บอกว่า “ตอนนี้เรามีรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ที่ห่วงว่าเป็นรัฐบาลผสมจะทำงานไม่ได้ก็ไม่จริง ครม.ทุกคนรู้จักกันดี ท่านอนุทินกับผมรู้จักกันมา 20 ปีแล้ว ถ้าเขาไม่ทำสิ่งที่ขอร้องก็จะไปฟ้องพ่อเขา เพราะว่าสนิทสนมกับพ่อเขาเป็นอย่างดี ท่านจุรินทร์ ก็เป็นนักศึกษารุ่นใกล้เคียงกัน ก็แต่ละท่านก็รู้จักกันมา 20 ปีแล้ว ฉะนั้นการปรึกษาหารือไม่มีปัญหาเด็ดขาด เขาต้องการอะไรเราต้องการอะไรพูดคุยกันได้หมด ฉะนั้นประเด็นของความกังวลในความขัดแย้ง ในความไม่ลงรอยไม่มีอย่างเด็ดขาด อันนี้รับประกันได้...ผมหวังอย่างยิ่งว่าความมั่นใจจะเกิดขึ้น ไม่มีคำว่าไม่ลงรอยกันเด็ดขาด ท่านไม่ต้องกังวล กระทรวงทุกกระทรวงจะไปด้วยกันอย่างสามัคคี เพราะเราทำงานให้ประเทศ”

ส่วนเสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล พูดแล้วก็ยิ้มๆ ว่า “ผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มาร่วมรัฐบาล รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่ได้มาร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ และครม.ทุกท่าน ผมได้รับกำลังใจและแนวทางจากนายกฯว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน มีหน้าที่ตอบสนองและแก้ปัญหาให้แก่ประชาชน รัฐบาลนี้ไม่มีอำนาจพิเศษ เงื่อนไขเดียวที่รัฐบาลจะอยู่ได้ คือต้องทำงานให้ประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีทุกคนจากพรรคภูมิใจไทย

“พรรคภูมิใจไทย พูดไม่เก่ง แต่ทำงานเป็น ไม่อยากใช้เวลามาก ขอกราบเรียนว่า ตั้งแต่ทำงานได้รับกำลังใจจำนวนมาก ขออาสาตัวเป็นรองนายกรัฐมนตรีของรองนายกรัฐมนตรีทุกคน ผมสนับสนุนการทำงานของทุกคน”

ว่าแล้วเสี่ยหนูก็ปิดเวทีด้วยการบอกว่า “ไปแล้วนะ ขอไปทำงานก่อน”

อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3496 วันที่ 15-17 สิงหาคม 2562