ป.ป.ช. เดินหน้า เอาผิดยกก๊วน ทุจริตข้าวถุง 2.5ล้านตัน
คืบ!! ศาลรับฟ้องคดีทุจริตข้าวถุง “ยุทธนา” เผย ป.ป.ช. แจ้งแล้วให้เตรียมตัวขึ้นศาล กังขาช้าเกินเหตุ ทั้งที่หลักฐานเพียบมัดโยงทุกตัว ละครเอาผิดกราวรูด ตั้งแต่ผู้อนุมัติ-อคส.-โรงสี-ตัวแทนจำหน่ายขายช่วงให้กับหยงกินค่าหัวคิวถุงละ 2 บาท วงการเชียร์เชือดยกกระบิ ยกเป็นคดีคลาสสิกวงการข้าว
จากที่ “ฐานเศรษฐกิจ” เป็นสื่อแรกที่ตรวจสอบและเสนอความไม่ชอบมาพากลในการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลให้กับองค์การคลังสินค้า (อคส.) รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการจัดจ้างผู้ปรับปรุงคุณภาพข้าว การบรรจุข้าว จำหน่ายผ่านโครงการธงฟ้า ร้านค้าถูกใจ และร้านค้าทั่วไป (กราฟิกประกอบ) ในกรอบอนุมัติ 2.5 ล้านตัน โดย อคส.ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท สยามรักษ์ จำกัด(บจก.) บจก.ร่มทอง และบจก.คอน-ไซน์ เทรดดิ้ง
ทั้งนี้ผู้บริหารของ บจก.ศิริพัฒน์ ซึ่งดำเนินธุรกิจนายหน้าค้าข้าว (หยง) ที่ได้รับช่วงขายข้าวถุงจาก บจก.สยามรักษ์ ได้ให้การและรับสารภาพถึงความไม่ชอบมาพากลต่อคณะอนุกรรมาธิการติดตามตรวจสอบเรื่องการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวปี 2554/55 และข้าวนาปรัง ปี 2555 ในคณะอนุกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภาที่มีพ.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี เป็นประธาน (ในสมัยนั้น) ว่า ได้รับการชักชวนจาก บจก. เจียเม้ง (1 ใน 6 บริษัทรับจ้างผลิตข้าวถุงให้กับโครงการ)ให้ทำสัญญาโดยจะมีรายได้จากการจำหน่ายข้าวถุงละ 2 บาท ทั้งนี้ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้ส่งหลักฐานการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการทั้ง หมดต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2556 ล่าสุดมีความคืบหน้าอย่างไรนั้น
พ.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี อดีตประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามตรวจสอบเรื่องการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวปี 2554/55 และข้าวนาปรัง ปี 2555 ในคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์วุฒิสภา เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า “เร็ว ๆ นี้ ทาง ป.ป.ช.ได้แจ้งว่าให้เตรียมตัวขึ้นศาล “ผมก็บอกว่าลืมหมดแล้ว ต้องมาศึกษากันใหม่” ซึ่ง ป.ป.ช.ทำงานช้ามาก อาจเป็นเพราะไม่มีเวลา และมีคดีความมาก แล้วการที่คณะกรรมการองค์การคลังสินค้า(บอร์ดอคส.)ไม่ฟันธง และร้องทุกข์กล่าวโทษที่ทำให้รัฐเสียหายทั้งที่หลักฐานมีมากมายสามารถเอาผิดได้เลย เพราะข้าวถุงไม่ได้ผลิตจริง ไม่ถึงมือประชาชน ส่วนของโรงสีผู้ปรับปรุงคุณภาพ ข้าว และบริษัทต่าง ๆ ที่ทำสัญญากับ อคส.ก็ผิดด้วย โดยมีอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นตัวเชื่อมโยงตัวละคร
พ.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี
“ข้าวทุกเมล็ดเป็นของรัฐบาล คุณเอาข้าวที่ไหนไปผลิตข้าวถุงขายแบรนด์ตัวเอง ซึ่งกำไรแบ่งเปอร์เซ็นต์ผลิตขายข้าวถุงน้อยนิด แต่ถ้าซื้อไปผลิตข้าวถุงขายแบรนด์ตัวเองขายในประเทศกำไรมหาศาล เพราะราคาข้าวในขณะนั้นราคาสูงมาก แม้กระทั่งข้าวจีทูจีก็เช่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งก็ต้องนำมาผลิตขายในประเทศ และอดีตบอร์ดอคส.ก็เป็นตัวละครหนึ่งเท่านั้นสามารถเอาผิดได้เลย”
พ.ต.ท.ยุทธนา กล่าวอีกว่า ยังไม่แน่ใจว่าเมื่อ ป.ป.ช.ส่งฟ้องแล้ว จะให้ตนเป็นผู้กล่าวหาแทนรัฐบาลเพื่อเรียกร้องชดใช้ความเสียหายหรือไม่ “ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานรัฐ ที่จะดำเนินการฟ้องเอง ผมเองยังไม่เห็นสำนวน แต่คาดว่าคงเป็นทำนองนี้”
ด้านนายวิชัย นพอมรบดี อดีตอนุกรรมาธิการฯ กล่าวว่า คดีนี้ยอมรับว่ายังติดใจอยู่แต่ 7 ปีที่ผ่านมาเรื่องเงียบไปเลย ทั้งที่ ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องต่ออัยการเพื่อฟ้องศาลแล้ว ขณะที่คดีข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในล็อตที่ 2 ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ บอร์ด อคส.ก็เอาผิดใครไม่ได้เลย ทั้งที่หลักฐานโจ่งแจ้งมาก
ขณะที่แหล่งข่าววงการค้าข้าวให้ความเห็นว่า คดีข้าวถุงเป็นคดีที่คลาสสิก มีเชื่อมโยงตัวละครหลายมิติ ซับซ้อน ต่างจากคดีข้าวจีทูจี ที่โกงกันแบบซึ่งหน้า ดังนั้นคดีนี้ตัดสินไม่ยากคือต้องเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะทำผิดวัตถุประสงค์ของรัฐที่ต้องการจัดทำข้าวถุงราคาประหยัดเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่เอกชนกลับยักยอกนำข้าวไปผลิตเป็นข้าวถุงขายเองเพื่อฟันกำไร และถือเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการรายอื่น
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่39 ฉบับที่ 3,496 วันที่ 15-17 สิงหาคม 2562
