ทรูวิชั่นส์มั่นใจ‘พรีเมียร์ลีก’พลิกรายได้คืนทุน

ทรูวิชั่นส์ คว้าสิทธิ์ยิงสดฟุตบอล EPL เตรียมกระจายคอนเทนต์เจาะผู้ชมทุกช่องทาง ตั้งเป้าหมายหวังคืนทุนพร้อมต่อลมหายใจธุรกิจเพย์ทีวี ล่าสุดจับมือพันธมิตร 6 รายร่วมสร้างกิจกรรมและประชาสัมพันธ์

การเติบโตของสื่อดิจิทัลที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจหลายประเภทได้รับผลกระทบไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้แต่เพย์ทีวีและผู้เล่นใหญ่ในตลาดนี้คงจะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก “ทรูวิชั่นส์” ที่ครองส่วนแบ่งตลาดนี้มาอย่างยาวนาน และถึงแม้จะเป็นผู้เล่นรายใหญ่แต่ก็ยังไม่วายที่จะต้องเผชิญกับปัญหาในเรื่องรายได้ และพฤติกรรมของผู้ชมที่หันไปหาสื่อออนไลน์กันเกือบหมด จนกระทั่งล่าสุดทรูวิชั่นส์ กลับ มาคว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษในรอบ 6 ปี ถึง 3 ฤดูกาล คือ 2019/2020 -2021/ 2022 จำนวน 380 แมตช์ และคาด หวังว่าสิทธิ์ที่ได้มาครั้งนี้จะสามารถช่วยกู้ให้บริษัทกลับมาคืนทุนได้อีกครั้ง

อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาทรูวิชั่นส์เริ่มมองเห็นช่องทางการสร้างรายได้จาก OTT และดิจิทัลแพลต ฟอร์มอย่าง “ทรูไอดี” ที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคในการเข้าถึงคอนเทนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นการได้สิทธิ์มาครั้งนี้จึงเป็นการได้สิทธิ์ครอบคลุมถึงแพลตฟอร์ม OTT ซึ่งการประมูลครั้งนี้อาจจะจ่ายแพงมากขึ้นกว่าครั้งก่อน แต่ในแง่ของการขยายฐานสมาชิกในวงกว้างทรูวิชั่นส์กลับมองว่าคุ้มค่าที่จะสามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจนี้ให้อยู่ได้

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารและหัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษมาครั้งนี้บริษัทเชื่อว่าจะสามารถทำให้ทรูวิชั่นส์สามารถทำรายได้กลับมาคืนทุนอีกครั้งหลังจากในรอบหลายปีที่มีผลประกอบการไม่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อได้เปรียบการได้สิทธิ์ถ่ายทอดมาครั้งนี้บริษัทสามาถนำคอนเทนต์ไปต่อยอด หรือทำงานร่วมกับบริษัทในเครือข่ายอย่างซีพีได้ทั้งหมด

“อย่างที่ทราบกันดีในช่วงที่ผ่านมาทรูวิชั่นส์ไม่ได้อยู่ในสภาวะการเงินที่ดีมาหลายปี และการได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าจะช่วยให้ทรูวิชั่นส์สามารถกลับมามีรายได้ดีขึ้น หรือสามารถคืนทุนได้”

ขณะเดียวกันบริษัทมองว่าคอนเทนต์กีฬา โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก ยังคงได้รับความสนใจ อย่างต่อเนื่องและมีฐานผู้ชมเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ฐานลูกค้าเก่าก็ยังคงอยู่ อีกทั้งพรีเมียร์ลีกยังคงเป็นคอนเทนต์กีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดมากกว่าคอนเทนต์ กีฬาประเภทอื่นๆ และจากการที่ทรูวิชั่นส์มีแพลตฟอร์มที่หลากหลายในช่วงที่ผ่านมาทรูวิชั่นส์เชื่อ ว่าจะสามารถเข้าถึงผู้ชมได้อย่างกว้าง ขวางและครอบคลุมทั้งในกลุ่มผู้ชมทีวี และออนไลน์หรือผู้ใช้สมาร์ท โฟนที่มีมากกว่า 20 ล้านรายในประเทศ ไทย รวมทั้งจะสามารถรักษาธุรกิจเพย์ทีวีให้อยู่ได้อีกต่อไป

ล่าสุดบริษัทร่วมกับ 6 สปอนเซอร์รายใหญ่ ได้แก่ ทรู คอร์ปอเรชั่น, สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, ซีพี ออลล์, เอ.พี. ฮอนด้า, ซีพีเอฟ และสยามแม็คโคร ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษกันครบ 380 แมตช์ตลอด 3 ฤดูกาล ซึ่งการขายครั้งนี้เป็นการทำสัญญาต่อเนื่องยาว 3 ปี ซึ่งโดยส่วนตัวอยากให้มีสปอนเซอร์เพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 4 รายรวมเป็น 10 ราย ขณะเดียวกันพาร์ตเนอร์ต่างๆ ที่ร่วมกับทรูวิชั่นส์จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ชมได้ร่วม

นายอรรถพล ณ บางช้าง กรรมการผู้จัดการสายรายการและสาระบันเทิง บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่าการได้สิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเพย์ทีวีสามารถอยู่ได้ รวมทั้งจะช่วยเพิ่มฐานกลุ่มระดับกลางและระดับล่างให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นฐานกลุ่มผู้ชมที่ใหญ่หากสามารถเพิ่มได้จะสามารถทำให้ธุรกิจดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบันทรูวิชั่นส์มีฐานลูกค้ารวม 4 ล้านราย แบ่งเป็น กลุ่มลูกค้าพรีเมียม 2.3 แสนราย สแตนดาร์ด 2.06 ล้านราย ฟรีวิว 3.3 แสนราย และฟรีทูแอร์ 1.4 ล้านราย 

หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3495 ระหว่างวันที่ 11 - 14 สิงหาคม 2562