สรท.คาดสงครามการค้ารอบใหม่ กระทบส่งออกไทยติดลบมากกว่า1%

06 ส.ค. 2562 | 07:57 น.

สรท. ประเมินส่งออกไทยปีนี้ติดลบมากกว่า 1 %  คาดสงครามการค้ารอบล่าสุด​ ส่งผลกระทบ​ผู้ประกอบการไทยในทุกกลุ่ม หวั่นสินค้าจีนอาจเข้ามาทุ่มตลาดในอาเซียน

นางสาวกัณญภัค​ ตันติพิพัํฒนพงศ์​  ​ประธานสภาผู้ส่งสินค้าท่งเรือแห่งประเทศไทย​ หรือ​ สรท.​  แม้กระทรวงพาณิชย์จะแถลงตัวเลขการส่งออก​ 6​ เดือนของปีนี้ติดลบ​ ที่ 2.9% ​ แต่สรท.ยังคงคาดการณ์ตัวเลขส่วออกไว้ที่​ ติดลบ1%  ซึ่งยังไม่ได้ประเมินผลกระทบล่าสุดจากสงครามการค้า​ ที่สหรัฐขึ้นภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคจีน​ 3,800 รายการ​ และการลดค่าเงินหยวนที่ลง​  โดยขอดูติดตามดูสถานการณ์ยอดการส่งออกในเดือนถัดไป​ ถึงจะสามารถปรับประมาณการณ์ตัวเลขการส่งออกอีกครั้ง

ทั้งนี้ สรท.คงคาดการณ์การส่งออกปี 62 เติบโตติดลบ 1% บนสมมติฐานค่าเงินบาท 33.0 (± 0.5) บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 5 ส.ค. 2562 = 30.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.57 – 30.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีปัจจัยบวกสำคัญ  เช่น  ผลกระทบจากสงครามการค้าอาจทำให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จากนโยบายการสนับสนุนการลงทุนตาม FTA อาเซียน-ฮ่องกง การส่งออกยังคงกระจายตลาดใหม่ที่หลากหลายเพื่อรองรับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น สวิสเซอร์แลนด์ อินเดีย CLMV โดยเฉพาะกลุ่นสินค้าเครื่องสำอาง, เครื่องดื่มน้ำผลไม้ และ  ความชัดเจนและความมีเสถียรภาพทางการเมืองไทยจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจเร่งด่วนสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าและนักลงทุนได้มากขึ้น จากผลการเข้ามาลงทุนและประกอบธุรกิจในไทยเพิ่มมากขึ้น 

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญประกอบด้วย บรรยากาศการค้าโลก ผลจากสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจของคู่ค้าหลักชะลอตัวและโดยฉพาะสินค้าที่อยู่ในโซ่อุปทานของจีน เช่น กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมถึงข้อพิพาททางการค้าคู่ใหม่ ล่าสุด สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. ประกอบด้วย สินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น อาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Smartphone and parts) เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องประดับ และของเล่น , ท่าทีที่แข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสหรัฐราชอาณาจักรต่อกรณี Hard Brexit (No Deal) ทำให้บรรยากาศทางการค้าอาจไม่ดีเท่าที่ควรและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างรุนแรง สถิติต่ำสุดในรอบ 28 เดือน โดยกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ตุลาคม นี้

สรท.คาดสงครามการค้ารอบใหม่ กระทบส่งออกไทยติดลบมากกว่า1%

 รวมถึงเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้า สามารถเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี เวียดนาม - อียู ทำให้เกิดการลงทุนและการได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มากขึ้น ซึ่งอาจลดส่วนแบ่งทางการตลาดของไทยโดยเฉพาะตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและรองเท้า นอกจากนี้สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณช่องแคบเฮอร์มุซของประเทศอิหร่านและชาติตะวันตกทั้งยุโรปและสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันให้ราคาน้ำมันอยู่ระดับสูง ทำให้ผู้ประกอบการมีความเสี่ยงทั้งด้านเส้นทางเดินเรือและต้นทุนที่ต้องจัดการมากขึ้น  รวมไปถึง สถานการณ์ความขัดแย้งในฮ่องกง เริ่มทวีความรุนแรงส่งผลต่อการบริโภคในประเทศและการลดปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าจากไทยเนื่องจากธุรกิจต้องหยุดชะงัก

ในขณะที่สถานการณ์ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ภัยแล้งในปัจจุบันเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น จากปรากฎการณ์เอลนินโญ่และกระทบต่อปริมาณผลผลิตพืชผลทางการเกษตรในช่วงไตรมาส3 อาจขาดแคลนและส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปปรับตัวลดลง โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีการนำเข้าผักและผลไม้จากไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา  และ ทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยกดดันภายนอกและปัจจัยภายใน เช่นไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและเป็น safe haven ทำให้สถานการณ์ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นมากกว่าร้อยละ 5 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในอาเซียน กระทบต่อผู้ประกอบการส่งออกทันที

“การที่จีนลดค่าเงินหยวนลง​ ส่งผลต่อการส่งออกของไทยไปยังจีนในทุกสิ่งค้าตั้งแต่อาหารผลไม้​ ยางพารา ผลิตภัณฑ์เคมี​ ได้รับผลกระทบเพรราะสินค้าของไทยแพงขึ้น แต่ไทยก็ไม่สามารถลดราคาลงได้เนื่องจากกำไรที่ได้อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว  และอาจมีแนวโน้มว่า สินค้าจีนจะเข้ามาทุ่มตลาดในอาเซียน เพราะไม่สามารถเข้าไปขายในสหรัฐได้​ ซึ่งSME ที่ทำสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย ได้รับผลกระทบไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับจีนได้  อะไรก็ตามมีความกังวล สงครามการค้าอาจลุกลามเป็นสงครามการเงินอีกรอบ​ เพราะการตอบโต้กัน ระหว่าง จีนและสหรัฐ จากการขึ้นภาษี​10%ของสหรัฐ  และการลดค่าเงิน10%ของจีน ซึ่งหากในอนาคต มีการปรับขึ้นภาษีถึง 25% จะยิ่งลำบาก​ เพราะอาจจะเห็น​สหรัฐใช้วิธีการลดอกเบี้ย​ การใช้มาตรการQE​ ซึ่งจะยิ่งทำให้เงินบาทไทยแข็งค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแลค่าเงินบาท ไม่ให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ”

นอกจากนี้สรท. เตรียมเข้าพบ นายจุรินทร์  ลักษณ์วิศิษฎ์ รองรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจละรัฐมนตรีว่าการหระทรวงพาณิชย์  โดยเอกชน อยากให้ดูแลเรื่องของการเปิดตลาดการค้าใหม่การ เจรจาการค้าเสรีกับประเทศคู่ค้าสำคัญ​ การยังไม่เพิ่มค่าจ้างแรงงานเป็น 400 บาทตอนนี้ การส่งเสริมสิทธิพิเศษด้านภาษี ให้ผู้ประกอบการ ที่นำรายได้เข้าประเทศ

สำหรับการส่งออกเดือนมิถุนายน 2562 มีมูลค่า 21,409ล้านดอลลาร์สหรัฐฯติดลบ2.15 % เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน  ในขณะที่ การนำเข้า มีมูลค่า 18,197 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน  ส่งผลให้ เดือนมิถุนายน 2562 ไทยเกินดุลการค้า 3,212 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาพรวมช่วงเดือนม.ค.- มิ.ย. ปี 2562 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 122,971 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 119,027 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ส่งผลให้เดือนม.ค.- มิ.ย. 2562 ไทยเกินดุลการค้า 3,943 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ