รมว.พลังงานจ่อปรับจีดีพีเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน พร้อมปรับโครงสร้างไบโอดีเซลหวังแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มดิบล้นตลาด เผยเตรียมถกครม.ศก.นัดแรกเร็วๆ นี้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง “Roadmap to Success: Up Close with Thailand’s New Ministers ในงาน บางกอกโพสต์ ฟอร์ม 2019 ทิศทางประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่ ว่า นโยบายด้านพลังงานนั้น กระทรวงจะขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืนในช่วง 3 เดือนแรกให้สอดรับกับทิศทางพลังงานของโลก โดยมุ่งเน้นส่งเสริมธุรกิจด้านพลังงานควบคู่กับการดูแลประชาชนได้ใช้พลังงานในต้นทุนที่ถูกลง และการส่งเสริมพลังงานสะอาด ซึ่งเบื้องต้นมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงพลังงานว่าพลังงานเป็นเรื่องของทุกคน เนื่องจากในอนาคตรูปแบบการใช้และการผลิตพลังงานจะเปลี่ยนไป ผู้บริโภคจะกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ขายไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบ
ทั้งนี้ ในความคิดเห็นส่วนตัวต้องการเห็นพลังงานช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่หุ้นพลังงานที่จะทยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ประเทศไทยต้องออกไปเติบโตนอกประเทศ ด้วยจุดแข็งของประเทศในการเป็นศูนย์กลางพลังงานอาเซียนเชื่อมโยงพลังงานประเทศอื่นในภูมิภาค พร้อมให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาแนวทางการใช้นโยบายพลังงานเป็นตัวแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ให้ประชาชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้าได้รับสิทธิพิเศษในการใช้ไฟฟ้าในอัตราพิเศษ หรือใช้ไฟฟ้าฟรี เพราะเป็นผู้เสียสละอยู่ในพื้นที่ที่ตั้งโรงไฟฟ้า และหารือกระทรวงการคลังปรับแนวทางช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตัวจริงให้เข้าถึงการใช้ไฟฟ้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงเชื่อมโยงกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อให้เอสเอ็มอีใช้ไฟฟ้าในราคาถูก
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ปี2561-2580 (พีดีพี 2018) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วมลงทุนและเข้าถึงพลังงาน เช่น ผ่านการจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนทั้งโซลาร์เซลล์ ,ไบโอแก๊ส และไบโอแมส เพราะไฟฟ้าต้องไม่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรายใหญ่เพียงรายเดียว แต่ต้องเปิดให้ผู้ผลิตรายอื่นขายไฟฟ้าส่วนเกินเข้าสู่ระบบได้ด้วย รวมถึงกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าให้เหมาะสม ทั้งก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และพลังงานทางเลือก โดยภายใน 1-2 วันนี้มีกำหนดการหารือทีมกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการปรับแผนดูแลความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว
อย่างไรก็ดี จะต้องส่งเสริมพลังงานบนดินจากจุดแข็งที่ไทยเป็นฐานการผลิตภาคเกษตรกรรม โดยปรับโครงสร้างไบโอดีเซลที่กำลังประสบปัญหาปริมาณน้ำมันปาล์มดิบล้นตลาดเรื้อรังมากว่า 30 ปี แม้ไทยจะมีกำลังการผลิตปาล์มดิบเพียง 10% ของโลก น้อยกว่าอินโดนีเซียและมาเลเซียที่มีกำลังผลิตถึง 90%ของโลก แต่ก็จำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างผลผลิตและความต้องการเพื่อทำให้ราคามีเสถียรภาพ
“ล่าสุดมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานศึกษาแนวทางปรับโครงสร้างไบโอดีเซล ผลักดันสู่การใช้ดีเซล บี10 เป็นน้ำมันพื้นฐานแทนดีเซล บี7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และดีเซล บี20 สำหรับกลุ่มรถบรรทุกขนาดใหญ่ ช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 2 ล้านตันต่อปี จากผลผลิตประมาณ 3 ล้านตันต่อปี ไม่ใช่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าเพื่อปัญหาเฉพาะหน้าในระยะสั้นเท่านั้น เพราะจะยิ่งสร้างภาระต้นทุนผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น”
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในเร็ววันนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ เพื่อหารือถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจด้านต่างๆ ภายใต้การนำของรัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรค มีครม.เศรษฐกิจ 11 กระทรวงเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขอประชาชนอย่าได้กังวลใจและสบายใจได้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะทำงานร่วมกันได้อย่างดี