ลดผลิตลดคน เอกชนหนีตาย รับส่งออกทรุด

05 ส.ค. 2562 | 00:00 น.

 

“ทรัมป์” สั่งขึ้นภาษีสินค้าจีนอีก 3 แสนล้านดอลล์ ทุบส่งออกไทยกู่ไม่กลับ ม.หอการค้าฯฟันธงทั้งปีติดลบถึง 1.5% สภาหอฯ แนะผู้ส่งออกลดผลิต ลดคนงาน เพื่อรักษาชีวิตรอด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯได้โพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัว เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ระบุสหรัฐฯตัดสินใจจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% วงเงินรวม 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป อ้างไม่พอใจจีนที่ไม่ทำตามคำมั่นว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้น ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนยืนยันจะตอบโต้สหรัฐฯด้วยมาตรการที่เท่าเทียมกันหากยังยืนยันที่จะทำตามคำขู่ของทรัมป์จริง เพิ่มอุณหภูมิสงครามการค้าเดือดขึ้นอีกรอบ

ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ของสหรัฐฯ ครั้งนี้ไม่อยู่เหนือความคาดหมาย แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่ายยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อคลี่คลาย สถานการณ์ก็ตาม เพราะก่อนหน้านี้ช่วงประชุม G 20 ที่ญี่ปุ่น ทรัมป์ ได้พบปะนอกรอบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2562 ประกาศว่าแค่พักรบชั่วคราว ซึ่งการขึ้นภาษีครั้งนี้ถือว่าครอบคลุมสินค้าเกือบทุกรายการที่จีนส่งออกไปสหรัฐฯ

สำหรับผลกระทบต่อไทยในทางตรงจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่เพิ่มดีกรีความร้อนแรงมากขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัวลงอีก การส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบ และผลกระทบทางอ้อมจากการส่งออกสินค้าวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูปหลายรายการไปจีนเพื่อผลิตส่งออกต่อไปสหรัฐฯจะขยายตัวลดลง ดังนั้นทางศูนย์จึงประเมินการขึ้นภาษีสินค้าจีน 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯในครั้งนี้ จะกระทบการส่งออกไทยในภาพรวมของปีนี้จะติดลบที่ -1% ถึง -1.5% จากเดิมที่ยังไม่รวมการขึ้นภาษี 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯคาดส่งออกไทยจะติดลบ 0.6%

ลดผลิตลดคน  เอกชนหนีตาย  รับส่งออกทรุด

“ขณะที่คาดว่า 1 ปีหลังสหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้าจีนอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 กันยายน 2562 และจีนมีการตอบโต้ รวมถึงผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า การส่งออกไทยจะติดลบ 2%(นับจากช่วง ก.ย. 62-ก.ย.63) ทั้งนี้แนะนำให้ผู้ส่งออกหาตลาดใหม่ๆ ควบคู่รักษาตลาดเดิม และรักษาส่วนแบ่งแต่ละตลาดไว้ให้ได้ ส่วนหนึ่งต้องใช้กลยุทธ์ราคาสินค้าที่ไม่แพงกว่าคู่แข่งเกินไป และเน้นแข่งขันด้วยคุณภาพของสินค้า”

นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่าเรื่องนี้เป็นเพียงกลยุทธ์ของทรัมป์ในการเจรจาเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาเรียกร้องแต่ยังไม่ได้ เนื่องจากการเจรจาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่ายครั้งล่าสุดที่เซี่ยงไฮ้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า และในการให้สัมภาษณ์ของทรัมป์ให้ความเห็นว่า เขาอาจจะไม่เพิ่มภาษีสินค้าจีนตามที่กล่าวมาหากจีนจะทำตามสัญญาคือ 1.ซื้อสินค้าเกษตร เช่น ถั่วเหลือง และอื่นๆ ในปริมาณมาก 2.ให้หยุดการส่งออกสาร Fentanyl ซึ่งเป็นสารเสพติดมายังสหรัฐฯ

“หากสหรัฐฯยังเดินหน้าขึ้นภาษีตามที่ทรัมป์ประกาศจริงจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น บวกกับเงินบาทแข็งค่า การส่งออกของไทยปีนี้จะติดลบแน่นอน ผู้ส่งออกไทยควรลดการผลิต ลดสต๊อกวัตถุดิบ ลดคนงาน ประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อรอสถานการณ์จนกว่าจะดีขึ้น”

ด้านนางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า การขึ้นภาษีสินค้าจีนของสหรัฐฯในครั้งนี้ มีจำนวน 3,812 รายการ เป็นสินค้าส่วนที่เหลือเกือบทั้งหมดที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีน ครอบคลุมสินค้าอุปโภค และบริโภค อาทิ อาหาร อุปกรณ์/เครื่องใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริม) เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องประดับ และของเล่น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคสหรัฐฯ ทั้งนี้สหรัฐฯ ได้ยกเว้นสินค้าบางรายการ อาทิ ยา และแร่ Rare Earth

“ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ. พาณิชย์) วันที่ 14 สิงหาคมนี้จะมีการหารือในประเด็นนี้ด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมแนวทางการรับมือไว้ เช่น ทำแผนรุกตลาดในสินค้าศักยภาพลงลึก เร่งพัฒนาการส่งออกผ่านออนไลน์ เตรียมข้อมูลมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี(NTMs)ที่เป็นอุปสรรคที่ควรเร่งเจรจา การเร่งผลักดันการค้าชายแดนที่ยังมีศักยภาพในการขยายตัว เป็นต้น” 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3493 วันที่ 4-7 สิงหาคม 2563 ลดผลิตลดคน  เอกชนหนีตาย  รับส่งออกทรุด