“บีจิสติกส์”รุกโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม หนุนรายได้เติบโตแกร่ง-ความเสี่ยงต่ำ

02 ส.ค. 2562 | 06:22 น.

 “บีจิสติกส์” รุกธุรกิจพลังงานทางเลือกเวียดนาม  บอร์ดไฟเขียวลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการรวม 58 เมกกะวัตต์ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 160 ล้านบาท หวังดันรายได้เติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว ขณะที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาครัฐ 20 ปี  คาดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ภายในเดือนก.ค ปี 2563  

 

นายพงศ์ศิริ ศิริธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B  ผู้ให้บริการท่าเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงวจร เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ตั้งอยู่ประเทศเวียดนาม 2 โครงการรวมขนาดกำลังการผลิต 58 เมกกะวัตต์  โดยซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท GA Power Ptd.Ltd จดทะเบียนภายใต้กฎหมายสิงคโปร์ ด้วยเงินลงทุนไม่เกิน 160 ล้านบาท  ถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 40% 

พงศ์ศิริ ศิริธร

ทั้งนี้บริษัท GA Power Ptd.Ltd   เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ลงทุนในบริษัท GA Power Solar  Park  Huong  Ltd. และบริษัท GA Power Solar Park Cam  Xuyen  Ltd. ซึ่งเป็นนิติบุคคลภายใต้กฎหมายเวียดนาม ที่ได้รับใบอนุญาตให้ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม  2 โครงการดังกล่าว    

 

นายพงศ์ศิริ กล่าวต่อว่า การเข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการขยายกลุ่มทางธุรกิจ(Diversification) และเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ในระยะยาวให้กับบริษัท ขณะที่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ  เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเวียดนามเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์(COD) ภายในเดือนกรกฎาคม 2563 

 

“เราใช้เวลาในการศึกษามานานพอสมควร เห็นช่องทางการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในระยะยาว   ซึ่งประเทศเวียดนามยังมีความต้องการพลังงานสูง  นอกจากนี้การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน ถือเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานด้านกลยุทธ์ B2E(Begistics to Energy) ของบริษัทที่จะนำไปสู่ธุรกิจพลังงาน” นายพงศ์ศิริกล่าว

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บีจิสติกส์ กล่าวอีกว่า  ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงิน  เพื่อเป้าหมายทำให้บริษัทเติบโตแบบยั่งยืน โดยเข้าไปสู่การให้บริการกิจการใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นจนสามารถให้บริการครบวงจร ทำให้มีความคล่องตัวในการทำธุรกิจและเพื่อเป็นการขยายฐานรายได้และกระจายความเสี่ยงไม่ได้พึ่งพาธุรกิจด้านใดด้านหนึ่งอย่างเดียว 

 

ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับองค์กรครั้งยิ่งใหญ่ หลังการทำรีแบรนด์องค์กรโดยการปรับโครงสร้างดังกล่าว ได้เริ่มสะท้อนสู่ผลประกอบการของบริษัทอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2561  จนมาถึงไตรมาสแรกปีนี้ทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เริ่มดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าภายในปีนี้ EBITDA จะกลับมาเป็นบวก จากแนวโน้มธุรกิจหลักที่จะมีการพัฒนาและเพิ่มฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง