เช่าซื้อเมินธปท. ครึ่งปีสินเชื่อแตะ 1.29 ล้านล้านบาท
รายงาน
ระหว่างรอธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ตรวจสอบมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นผลพวงจากการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งมีสัดส่วนราว 15% ของหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะพฤติกรรมแข่งขันกันปล่อยสินเชื่อที่เกินมูลค่าหลักประกัน หรือเสนอส่วนลดเงินสดและสร้างราคาสูงกว่าราคาขายจริงหรือรับเงินคืน (เงินทอน) เมื่อซื้อรถยนต์ เพื่อดึงดูดการตัดสินใจของผู้ซื้อ โดยเฉพาะในรายที่ไม่มีความพร้อม ประกอบกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ในหมวดสินเชื่อเช่าซื้อมีสัญญาณไต่ระดับขึ้น
แต่ผลประกอบการงวดครึ่งแรกปี 2562 ที่ธนาคารพาณิชย์ประกาศออกมาพบว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารพาณิชย์ 5 แห่งยังเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณรวม 1.29 ล้านล้านบาท โดยธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มขึ้น 14.2% จาก 192,216 ล้านบาทเพิ่มเป็น 219,479 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.0 % จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากยอดขายรถยนต์ที่สูงขึ้นและสินเชื่อรถแลกเงินหรือ My Car My Cash ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบุคคลที่ใช้รถยนต์ของผู้กู้เป็นหลักประกันเพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพเกิดใหม่ เฉพาะเช่าซื้ออยู่ที่ 0.68% จากสินเชื่อด้อยคุณภาพเกิดใหม่รวม 13.4 พันล้านบาท และธนาคารกรุงศรีอยุธยา สินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้น 12,031 ล้านบาทหรือ 3.2% จากไตรมาสที่ผ่านมาและเพิ่มขึ้น 6.2% หรือ 22,620 ล้านบาทจากสิ้นเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งมาจากสินเชื่อรถยนต์ใหม่
ขณะที่ ธนชาตผู้นำตลาด เพิ่มขึ้น 18,753 ล้านบาทหรือ 4.45% จากสิ้นปีก่อน ด้านธนาคารทิสโก้ มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ในสัดส่วน 73% สินเชื่อจำนำทะเบียน 17.3% โดยมีสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ อัตราการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ของบริษัทต่อปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในงวด 5 เดือนของปี 2562 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 7% จาก 7.4 % ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียน (Auto Cash) มี 33,332.86 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 884.73 ล้านบาท หรือ 2.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 โดยเฉพาะการขยายตัวของสินเชื่อจำนำทะเบียนผ่านช่องทางสาขาสมหวังเงินสั่งได้มีปริมาณเพิ่มขึ้น 4.9% จากไตรมาสก่อนและธนาคารเกียรตินาคินสินเชื่อหดตัว 2.7% จากสิ้นปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เกียรตินาคินระบุว่า ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยดูยอดขายรถยนต์สะสมที่ 437,722 คัน เพิ่มขึ้น 9.1%โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ขยา ยตัว 1.7% และ 7.5% ตามลำดับ ซึ่งมีรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้นเป็นปัจจัยหนุน แต่มีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่ยอดขายรถยนต์เดือนพฤษภาคม ซึ่งสะท้อนถึงภาวะตลาดที่เริ่มอิ่มตัว ส่งผลให้ผู้ผลิตอาจหันมาแข่งขันด้านราคามากขึ้นในครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า มีแนวโน้มที่ธปท.จะเข้ามายกระดับการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อมากขึ้นโดยธปท.มีกำหนดลงนามข้อตกลง (เอ็มโอยู) กับธนาคารพาณิชย์ประมาณวันที่ 13 สิงหาคมนี้เพื่อให้มีกระบวน การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยมีข้อมูลประกอบครบถ้วนครอบคลุม นอกจากภาระหนี้ต่อรายได้บนมาตรฐานเดียวกัน เพื่อป้องกันปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคตไม่ให้สะดุด ซึ่งจะทำให้คุณภาพสินเชื่อไม่กลายเป็นหนี้เสียในระยะสั้นและระยะยาว
นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร เกียรตินาคินเปิดเผยว่า สิ่งที่ธปท.กังวลคือปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารเห็นด้วยและธปท.ต้องการให้ธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทยต้องมีเกณฑ์คำนวณสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) โดยพิจารณาความต้องการที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระค่างวดของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งที่ผ่านมาธปท.เป็นห่วงในฐานลูกค้าที่ค่อนข้างอ่อนแอ 3 กลุ่มคือ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงาน(First Jobber )และกลุ่มคนวัยเกษียณ (ER) โดยทั้ง 3 กลุ่มนี้ควรจะพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระให้เหมาะสม อย่างคนที่มีรายได้ตํ่ากว่า 30,000 บาทต่อเดือน ควรพิจารณาDSR ไม่เกิน 70% ของรายได้ เช่น ต้องสามารถผ่อนชำระต่อเดือน 21,000 บาท เพื่อมีรายได้คงเหลือสำหรับการใช้จ่ายครองชีพอย่างน้อย 9,000 บาท
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเสรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,492 วันที่ 1-3 สิงหาคม 2562
