การค้าโลกพ่นพิษส่งผล MPI มิ.ย. หด 5.54%

30 ก.ค. 2562 | 05:45 น.

สศอ. เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 62 หดตัวลง 5.54% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ระบุได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง  ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2 หดตัวลง 2.64% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

การค้าโลกพ่นพิษส่งผล MPI มิ.ย. หด 5.54%

นายอดิทัต  วะสีนนท์  รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)  เปิดเผยว่า  ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2562 หดตัว 5.54% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน   โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2 หดตัวลง 2.64% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนมิถุนายน 2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำมันปิโตรเลียม Hard Disk Drive และเครื่องประดับแท้ สาเหตุหลักมาจากความต้องการบริโภคภายในประเทศและคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ยกเว้นน้ำมันปิโตรเลียมที่มีการซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามวาระการตรวจซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ในขณะที่อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกต่อ MPI ได้แก่ น้ำมันปาล์ม เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และน้ำดื่ม และเบียร์

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวในเดือนมิถุนายน ได้แก่  น้ำมันปาล์ม  ขยายตัวเพิ่มขึ้น 44.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์  ที่ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 เพิ่มขึ้น

การค้าโลกพ่นพิษส่งผล MPI มิ.ย. หด 5.54%

,เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดในประเทศและเนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด รวมถึงตลาดส่งออกได้รับคำสั่งซื้อจากประเทศเวียดนาม สหรัฐและญี่ปุ่น  ,เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค ขยายตัวเพิ่มขึ้น 18.05% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการผลิตเต็มกำลังของเครื่องจักรใหม่ของผู้ผลิตตามความต้องที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ  โดยมีการเร่งผลิตและส่งมอบตามการประมูลงานในโรงพยาบาล และการขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้น

การค้าโลกพ่นพิษส่งผล MPI มิ.ย. หด 5.54%

,เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และน้ำดื่ม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากน้ำอัดลม น้ำโซดา น้ำชา และน้ำดื่มให้พลังงาน ที่ผู้ผลิตออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการปรับขนาดบรรจุภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น  และเบียร์ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ลดปริมาณแอลกอฮอล์ลง (เบียร์ 0%) เพื่อขยายตลาด รวมถึงการเร่งผลิตสต๊อกสินค้าเพื่อปิดปรับปรุงเครื่องจักรบางส่วนของผู้ผลิต