ถกนัดแรกดึง สศก. เคลียร์ปมต้นทุน 'มะพร้าว-สับปะรด'

ตามรอยมะพร้าว-สับปะรด ‘ประมวล’ ดึง สศก.นัดแรกถกปมเกษตรกรกังขาคาดการณ์ประเมินผลผลิต ต้นทุนต่ำเกินจริงหรือไม่ เผยบุคลากรน้อยอยู่ประจำภาค วิธีการทำงานฝากเกษตรอำเภอ จังหวัดทำข้อมูล ผนวกภาพถ่ายดาวเทียม หว่านล้อมซักผวาเอื้อนายทุนกะทินำเข้าทุบราคาในประเทศดิ่ง

นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านมะพร้าวและสับปะรด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” หลังผลประชุม (23 ก.ค.62) ทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่ อย่างประจวบคีรีขันธ์ เพราะ สศก.ประจำอยู่จังหวัดราชบุรี  จะอยู่แบบประจำภาค บางอย่างก็ไปฝากงานไว้ที่เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอทำ บางทีตัวเลขเกษตรบอก แต่ สศก.ก็ไม่ยอม เค้าก็บอกว่าถ่ายรูปผ่านดาวเทียมคำนวณพื้นที่ปลูกมะพร้าวได้แค่นี้ อย่างพื้นที่อำเภอบางสะพานจาก 1.6 แสนไร่เหลือ 8 หมื่นไร่ เกษตรกับจังหวัดเถียงไม่ชนะ  “สศก.”บอกว่าต้องตามนี้

“ผมก็ถาม สศก.ว่า คุณทำตัวเลขเพื่อผลประโยชน์ของใครหรือเพื่อที่จะให้ใครนำเข้าหรือไม่ เพราะถ้าผลผลิตพื้นที่ปลูกน้อย ความต้องการในประเทศเยอะ แต่คุณต้องทำอย่างไรให้สมดุล อย่างทะลายหนึ่ง สศก.บอกว่า 4 ลูกครึ่ง แต่ทางเกษตร บอก 6-8 ลูก แค่ความคิดเห็นมะพร้าว 1 ทะลาย ต้นทุนก็ไม่เหมือนกัน แล้วถ้าบอกต้นทุนแค่ 3-4 บาท แค่นั้นชาวบ้านเตะผมแน่ แล้วบอกว่าคุณขาย 6-7 บาท ก็ได้กำไรแล้ว แต่จริงๆ ไม่ใช่ เพราะค่าขึ้นค่าสอย ค่ารวมกอง 2 บาทแล้ว ถ้าชาวสวนขายมะพร้าว  6 บาท หัก 2 บาท ชาวสวนได้ 4 บาท”

นายประมวล กล่าวว่า “ประจวบคีรีขันธ์” เป็นเมืองหลวงมะพร้าว คณะของผม คืออนุมะพร้าวและสับปะรด ส่วนสับปะรด สถานการณ์ยังโอเค ราคา 7 บาท เพราะถ้าแค่อนุมะพร้าวอย่างเดียวจะดูน้อยเกินไป ปสถานการณ์สับปะรดยังดีมาก แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลก และอยู่กับ สศก.ด้วย ต้องย้ำว่าข้อมูลต้องให้ชัดเจน ไม่ใช่บอกว่าล้นตลาด เพราะถ้าบอกเช่นนั้นเมืองนอกก็ไม่ซื้อ ผมถามว่า สศก.เอาข้อมูลมาจากไหน แล้วต้องแกะรอยต่อข้อมูลที่ได้ต่อว่าจำเป็นที่จะต้องนำเข้ามะพร้าวเข้าหรือไม่ ขณะที่สับปะรดเองก็ต้องเพิ่มการบริโภคในประเทศให้มากขึ้นจะพึ่งส่งออกอย่างเดียวไม่ได้

“ฝากพี่น้องชาวสวนมะพร้าวว่า พวกเราที่มาเป็นผู้แทนอยู่ในคณะอนุกรรมการชุดนี้ หรือข้าราชการต่างๆ ที่มาคุยกันอยู่ในวันนี้ได้รู้สึกถึงพี่น้องเกษตรกรทุกภาคส่วนชาวสวนมะพร้าวผมได้วิงวอนให้หน่วยงานของรัฐที่มาประชุมกันวันนี้ช่วยเป็นภาระผลักดันราคาสินค้าเกษตรของพี่น้องเกษตรกรให้ราคาสูงขึ้นเพื่อการครองชีพเพื่อการอยู่ดีกินดีของพี่น้องเกษตรกร”