อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างไทยป่วนหนักหลังพบว่ามีนำเข้าหินแกรนิตราคาถูกจากต่างประเทศตีตลาดไทยทั้งจากอินเดียและจีน วอนภาครัฐและกลุ่มบิ๊กรับเหมาสนับสนุนใช้วัสดุไทยกับเมกะโปรเจ็กต์
นายกมล วรรธนคณิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็นบี อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและตกแต่งประเภทหินแกรนิต เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าปัจจุบันพบว่ามีการนำเข้าหินแกรนิตจากอินเดียและจีนรุกตลาดในเมืองไทยซึ่งถือเป็นปีแห่งการแข่งขันที่รุนแรงมากจากกรณีที่รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจ็กต์หลายโครงการจึงเป็นที่ต้องการของตลาดจากต่างประเทศ
ดังนั้นจึงขอวิงวอนให้ภาครัฐให้การสนับสนุนผู้ผลิตหินแกรนิตในประเทศไทย แม้จะราคาแพงกว่าบ้างแต่ก็มีรายได้หมุนเวียนในประเทศไทย อีกทั้งการเสียภาษีอย่างถูกต้อง และก่อให้เงินหมุนเวียน ให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ในประเทศ จากการใช้แรงงานคนไทยในเหมืองหินต่างๆ สนับสนุนการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ นั่นเอง
ประการสำคัญอยากให้รัฐบาลเร่งอนุมัติสัมปทานบัตรเพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตให้รองรับได้อย่างเพียงพอ ซึ่งล่าสุดนั้นการผลิตในโรงงานที่จ.ประจวบคีรีขันธ์สามารถป้อนให้กับโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมได้อย่างเพียงพอ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเขียวที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
“ประเทศไทยมีของดีอย่างหินแกรนิตคุณภาพอยู่หลายพื้นที่จึงอยากให้สถาปนิกและวิศวกรสนใจนำไปออกแบบใช้งานให้มากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีเหมืองหินที่จ.ตากและจ.ประจวบคีรีขันธ์ จุดเด่นของหินแกรนิตในประเทศไทยมีลวดลายที่งดงาม และแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่จึงอยากให้รัฐและบริษัทรับเหมาชั้นนำผู้ได้รับการประมูลโครงการต่างๆเล็งเห็นถึงการจ้างแรงงาน การสร้างรายได้หมุนเวียน ตลอดจนการนำวัสดุคุณภาพดีในประเทศออกมาสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจกับโครงการต่างๆ ให้คนไทยได้ใช้วัสดุที่มีคุณภาพดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน บำรุงดูแลรักษาง่าย”
ปัจจุบันบริษัทเตรียมกำลังการผลิตหินแกรนิตที่มีอยู่ราว 5 แสนตร.ม. โดยสามารถรองรับโครงการขนาดใหญ่ของรัฐได้อย่างเพียงพอไปอีกหลายสิบปี อีกทั้งยังมีอยู่ในสต๊อกอีกจำนวนมากหลายล้านตร.ม. ซึ่งเศษหินสามารถนำมาโม่ใช้เป็นรองรางรถไฟได้อีกด้วย
“อยากให้รัฐบาลมีคำสั่งเชิญประชุมกลุ่มย่อยในอุตสาหกรรมนี้โดยเร็วเพื่อเร่งขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม สมาคมที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมทางหลวง การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และอีกหลายหน่วยงาน ร่วมบูรณาการ”