อันดับความน่าเชื่อถือ ดอกผลของการปฏิรูป

27 ก.ค. 2562 | 05:26 น.

บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3491 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 28-31 ก.ค.2562

 

อันดับความน่าเชื่อถือ

ดอกผลของการปฏิรูป

 

                  เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ได้ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของประเทศไทยจากแนวโน้มคงที่ (stable) มาเป็นแนวโน้มเชิงบวก (positive) ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 ปีหลังจากปี 2553 และคงอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ Baa1 หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท ฟิตช์เรตติ้งส์ ก็เพิ่งจัดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยเป็นแนวโน้ม “เชิงบวก” เช่นกัน

                  มูดี้ส์ระบุว่า ปัจจัยหลักที่ส่งเสริมการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยดีขึ้นมาจากการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งครอบคลุมถึงการลงทุนในด้านทรัพยากรมนุษย์ ท่ามกลางบริบทที่เศรษฐกิจมหภาคของไทยมีความมั่นคงและสามารถคาดการณ์ได้มาเป็นระยะเวลายาวนานระดับหนึ่ง และสถานะดังกล่าวจะช่วยให้ไทยสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้ในอนาคต พร้อมคาดการณ์ว่า ระหว่างปี 2562-2563 การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยซึ่งวัดจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ที่อัตราระหว่าง 3.0-3.5% หากเป็นไปตามอัตรานี้ก็เชื่อว่าเรตติ้งความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลไทยจะอยู่ในเกณฑ์ A- และ Baa- ได้ต่อไปในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

                  มูดี้ส์ยังระบุถึงฐานะการเงินของรัฐบาลไทยไว้ในรายงานว่า “very strong finance” หรือแข็งแกร่งมากซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้ดี ขณะที่เศรษฐกิจของไทยที่มีขนาดใหญ่และมีโครงสร้างรายได้ที่กระจายตัวทั้งจากอุตสาหกรรมการผลิต การส่งออก การเกษตร และการท่องเที่ยว จะช่วยสนับสนุนสมรรถนะของไทย ในการรองรับผลกระทบจากภาวะฉุกเฉินใดๆที่อาจเกิดขึ้น

                  ต้องยอมรับว่าการที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือในทิศทางเป็นบวก เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงดอกผลที่เริ่มออกมาจากความพยายามในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ สอดคล้องกับรายงานขององค์กรของสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด ที่ชี้ว่าตั้งแต่ปี 2560 การลงทุนของไทยไทยฟื้นตัวดีขึ้นจากโครงการอีอีซีในภาคตะวันออก ที่รัฐบาลไทยได้มีมาตรการออกมาสนับสนุน การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สร้างความเชื่อมั่นกลับมาทำให้เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไหลเข้าไทยมากขึ้น

                  ดังนั้นการดำเนินนโยบายของรัฐบาลหลังจากนี้นอกจากการแก้ปัญหาระยะสั้นแล้วจะต้องให้ความสำคัญกับการปฏิรูป วางโครงสร้างระยะยาวให้กับเศรษฐกิจการค้า การลงทุนของประเทศ เพื่อเก็บดอกผลในระยะยาว