บลจ.บางกอกแคปปิตอลฯ ชี้ครึ่งปีหลังสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจ เผยปรับเพิ่มนํ้าหนักลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกเป็น “คงที่” จากเดิม “น้อยกว่าตลาด” หลังมองเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้ แนะนักลงทุนกระจายความเสี่ยง
นายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล จำกัด (BCAP) เปิดเผยว่า การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังปี 2562 การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มนํ้าหนักเป็น “คงที่” จากเดิม “น้อยกว่าตลาด” หลังจากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดลง ซึ่งคาดว่าการประชุมในวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้ เฟดอาจจะลดดอกเบี้ยลง 0.25%
นอกจากนี้ มองว่าตลาดหุ้นยุโรป ยังคงนํ้าหนัก “มากกว่าตลาด” โดยคาดว่ามูลค่าตลาดยังไม่สูงมาก เหมาะสมกับการทยอยเข้าลงทุน ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้นํ้าหนัก “คงที่” เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตค่อนข้างสูงจากนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่ในปีนี้ไม่มีปัจจัยสนับสนุน ทำให้การเติบโตไม่หวือหวา ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาค คงนํ้าหนัก “น้อยกว่าตลาด” เพราะยังมีความเสี่ยงสงครามการค้าที่จะได้รับผล กระทบจากความยืดเยื้อ
ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร
อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในปีนี้ เพราะยังมีปัจจัยเรื่องหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังต้องติดตาม ทั้งนี้กระแสเงินจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าชั่วคราวเท่านั้น เพราะนักลงทุนต่างชาติมองไทยเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยจากความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย รวมถึงที่ผ่านมา MSCI ได้ปรับเพิ่มนํ้าหนักในหุ้นไทย จึงมีเงินไหลเข้าจำนวนมาก แต่ต้องติดตามในช่วงปลายปีนี้ หากตลาดหุ้นจีนถูกปรับเพิ่มนํ้าหนัก จะทำให้เงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเข้าตลาดหุ้นจีนแทน
“การลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังมีอัพไซด์จำกัด ซึ่งยังคงนํ้าหนักน้อยกว่าตลาด เนื่องจากกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้ คาดจะเติบโตไม่ถึง 5% รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการส่งออกที่เป็นรายได้หลักของประเทศ โดยต้องดูนโยบายรัฐบาลใหม่ว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงเป็นหลัก เน้นลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ เพื่อหาผลตอบแทนที่เหมาะสมและมีความเสี่ยงจำกัด”
ในปี 2562 ตั้งเป้าสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 40,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 32,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเตรียมจ่ายเงิน ปันผลปี 2562 ของกองทุนเปิด BCAP MSCI THAILAND ETF (BMSCITH) จากผลกำไรสะสม ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดจ่ายเงิน ปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียน ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 สิงหาคม 2562 รวมมูลค่าการจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้นประมาณ 30 ล้านบาท
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,491 วันที่ 28-31 กรกฎาคม 2562