ชาญ บูลกุล คลายปม ‘พิชญ์ขายหุ้น เคลียร์หนี้แบงก์’
สัมภาษณ์พิเศษ
ราคาหุ้นบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (บมจ.) (JAS ) เคลื่อนไหวผันผวน หลังข่าวลือว่าบริษัทสื่อสารค่ายใหญ่เตรียมควบรวมกิจการกับ JAS ตามมาด้วยข่าวดีลควบล้ม โดยอ้างว่าเพราะ JAS สามารถหาแหล่งเงินจ่ายเงินกู้ธนาคารไทยพาณิชย์ได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องควบรวมกิจการ เป็นเหตุให้ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องขอให้ผู้บริหาร JAS ชี้แจงรายละเอียดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม โดย JAS ต้องทำหนังสือชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯวันเดียวกันถึง 3 ครั้ง (เช้า 2 ครั้งและก่อนปิดตลาด 1 ครั้ง)
ราคาหุ้น JAS ได้ทะยานขึ้นจากปลายปี 2561 ที่อยู่ระดับ 4 บาทกว่า หลังโวลุ่มเริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 จนดันราคาหุ้นแตะสูงสุดที่ 8.00 บาทของเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม โดยปรับขึ้นเท่าตัวก่อนจะค่อยๆ ดิ่งลง ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กรกฏาคม เวลา 12.30 น. หุ้น JAS ปิดที่ 6.35 บาท หรือภายใน 1 สัปดาห์หุ้น JAS ปรับตัวลง 19% จากราคาปิดเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ 7.85 บาท
ชาญ บูลกุล
ชาญ บูลกุล ประธานกรรมการบริหารบมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป ( BROOK ) “กุนซือ” ทางการเงินให้กับ JAS มานานกว่า 20 ปี และถูกโฟกัสว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผน เปิดใจกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เคลียร์ปมประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัย เริ่มจากสถานะหนี้สถาบันการเงิน หลังจากที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF คลอดช้ากว่ากำหนดนาน 2 ปี จนมีกระแสข่าวว่าถูกสถาบันการเงินบังคับขายเรียกหนี้คืน
เพราะหากจำกันได้ พิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจัสมินฯ กู้ส่วนตัวจากธนาคารไทยพาณิชย์ วงเงิน 4.25 หมื่นล้านบาท (เบิกจริงราว 2.2 หมื่นล้านบาท) เมื่อเดือนกันยายน 2559 ในการทำคำเสนอซื้อหรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น JAS ในมือนักลงทุนทั่วไปจำนวน 4,091.93 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 7.25 บาท พร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญหรือวอร์แรนต์รุ่นที่ 3 (W3) จำนวน 1,618.49 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 3.68 บาท จนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน JAS เป็น 72.35%
อย่างไรก็ตามข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) ของสำนักงานก.ล.ต. พบว่าในระหว่างทางพิชญ์ได้ขาย W3 ออก 2 ครั้งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 จำนวน 650 ล้านหุ้นที่หุ้นละ 3.40 บาท และเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2561 อีกจำนวน 200 ล้านหุ้นที่หุ้นละ 3.50 บาท ได้รับเงินรวมร่วม 3,000 ล้านบาท
ชาญ ชี้แจงว่า หนี้ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นหนี้ส่วนตัวของคุณพิชญ์ และใน 2-3 ปีนี้ ไม่ได้มีปัญหาเลย เพราะเป็นการจ่ายจากเงินปันผลซึ่งแต่ละปี JAS ให้ผลตอบแทนเงินปันผลปีละ 9-10% ในฐานะที่พิชญ์ ถือหุ้นใหญ่ก็ได้รับเงินปันผลปีละหลายพันล้านบาทมีการจ่ายมาตลอด ส่วนที่พิชญ์ ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงจากปี 2560 อยู่ที่ 64.39% ปัจจุบันเหลือ 56.18% ก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการขายออกมาเพื่อใช้หนี้ธนาคาร และจากการที่มีผู้ใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ ทำให้หุ้นที่ถือถูกไดลูต (dilute)
“ความจริงคุณพิชญ์ ก็ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นมากขนาดนั้น เพราะ 51% เขาก็มีอำนาจควบคุมการบริหารอยู่แล้ว ”
งบการเงิน ณสิ้นเดือนไตรมาส 1/2562 JAS มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับ 1.85 เท่าลดลงจากปี 2560 และ 2561 ที่อยู่ระดับ 2.64 เท่าและ 1.99 เท่าตามลำดับ
ชาญ ยังกล่าวถึงแผนหาพันธมิตรร่วมธุรกิจว่า สถานการณ์ก่อนหน้ากับเวลานี้ไม่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้บริษัทจัสมินฯต้องหาพาร์ตเนอร์เพราะต้องการทุน ธุรกิจขยายมาก แต่เดี๋ยวนี้บริษัทมีเงิน 38,000 ล้านบาทจากการขายทรัพย์สินเข้ากอง JASIF คาดไม่เกินไตรมาส 4 ปีนี้ก็จะได้เงิน โดย JASIF จะประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ และจะเพิ่มทุน (RO) จำนวน 23,000 ล้านบาท อีกส่วนเป็นการกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพ 15,500 ล้านบาท รวม 38,000 ล้านบาท รองรับแผนซื้อทรัพย์สิน (การลงทุนของกองทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภททรัพยสินเส้นใยแก้วนำแสง เพิ่มเติมครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 700,000 คอร์กิโลเมตร (ทรัพย์สินส่วนเพิ่ม))
“ความจำเป็นในการหาพันธมิตรมาร่วมทุน สำหรับ JAS เวลานี้ถือว่าน้อยกว่าอดีตมาก ถ้าให้ราคาดีก็โอเค ไม่ได้เราก็เฉยๆ ไม่ได้รีบร้อน ”
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้น JAS ผันผวนมองกันว่าเป็นแผนดันราคานั้น ชาญกล่าวว่า ตลาดหุ้น เป็นเรื่องของ emotion ไม่มีตรรกะอะไรรองรับ เพราะหากมองไปก่อนหน้า 2 ปีที่มีข่าวว่ากอง JASIF จะออก หุ้น JAS ก็เคยปรับขึ้นถึง 7-8 บาท พอ JASIF ไม่ออกมา ราคาตกลงมาเหลือ 3 บาทกว่า
"สิิ่งที่แน่นอนคือวันนี้ี่ JASIF สำเร็จและมาแน่ เพราะได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ฯ(JASIF แจ้งตลท.เมื่อ 10 ก.ค. 62) ไม่เกินไตรมาส 4 ปีนี้ และตีง่ายๆวงเงิน 38,000 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นจดทะเบียนของ JAS ราว 8,000 ล้านหุ้น ตกหุ้นละ 4.75 บาทยังไม่นับรวมกระแสเงินสดและสินทรัพย์อื่นๆ นั้น นั่นก็พอจะสะท้อนพื้นฐานหุ้น JAS โดยมีปัจจัยรองรับ ไม่ต้องคิดเรื่องดีลควบรวมที่จะเกิดหรือไม่เกิดว่าจะสำเร็จหรือไม่ เพราะอย่างกรณีของบมจ.เหมราช พัฒนาที่ดิน ก็ยังใช้เวลาปีกว่ากว่า ” ชาญชี้แจง
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,491 วันที่ 28-31 กรกฎาคม 2562
