3ปีไทยก้าวสู่ค้าปลีก4.0 ดิจิทัล สโตร์ ต่อยอดสู่ร้านสาขา
ชี้ 3 ปีไทยก้าวสู่ “รีเทล 4.0” แนะเดินหน้าสร้าง แกร่ง 4 เสาหลัก “E-commerce/ E-finance/ E-logistics/Big Data” พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจและกระจายสู่ร้านสาขาไม่ใช่แค่ทำเป็นโชว์รูม ด้านเดอะ มอลล์ เผยผลตอบรับดีเกินคาด นักช็อปควักเงินจ่ายเพิ่ม
การรุกคืบทรานส์ฟอร์มธุรกิจเข้าสู่ “ค้าปลีก 4.0” หรือ Retail 4.0 ของโมเดิร์นเทรดหรือค้าปลีกสมัยใหม่ที่มีต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2560 จนถึงปัจจุบันเริ่มเห็นสีสัน และความเป็น “ดิจิทัล สโตร์” มากขึ้น ในหลายๆ เซ็กเมนต์ไม่เฉพาะคอนวีเนียน สโตร์, ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือห้างสรรพสินค้า เท่านั้น ล่าสุดกับการเข้ามาของ “แม็คโคร ดิจิทัลสโตร์” เป็นอีกก้าวที่น่าจับตาจากก่อนหน้านี้ที่หันมาพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ “ฟู้ดเซอร์วิส” ย่อไซซ์ให้เล็กลง พร้อมกระจายสาขาสู่ชุมชนมากขึ้น
เทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในโมเดิร์นเทรดวันนี้จึงมีทั้งการช็อปปิ้งแบบไร้เงินสด (Cashless ) ผ่านการชำระเงินด้วย QR Code รวมถึง Application ต่างๆ, AliPay, WeChatPay, บัตรเดบิต, บัตรเครดิต, บัตรพรีเพด ฯลฯ การติดตั้งเครื่องชำระเงินด้วยตัวเอง หรือ Smart Self Check-Out Kiosk, เครื่องรับบัตรอัจฉริยะที่ให้แคชเชียร์ให้บริการได้อย่างรวดเร็ว (SMART EDC), กล้อง AI อัจฉริยะ สำหรับตรวจสอบปริมาณสินค้าบนชั้นวาง เพื่อการเติมเต็มสต๊อกได้ทันท่วงที ลดโอกาสการสูญเสีย, ระบบ คิวบัสเตอร์ ช่วยให้การชำระเงินทำได้รวดเร็ว ลดเวลารอคิวชำระเงินของลูกค้า, Digital Transparent Display /Digital Wall แสดงรายการสินค้า โปรโมชัน หรือแม้แต่ป้ายราคาอัจฉริยะ ที่จะเปลี่ยนแปลงราคาได้รวดเร็วและแม่นยำเพียงแค่คลิก ประหยัดเวลาเปลี่ยนป้ายราคาที่สาขา และวันนี้ดิจิทัล สโตร์ยังจัด Co-Working Space ให้ลูกค้าได้นั่งทำงานด้วย
นอกจากการนำเทคโนโลยี AI และ IoT มาใช้ในการให้บริการลูกค้า อำนวยความสะดวกแล้ว ผู้ประกอบการยังนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ในการบริหารจัดการในระบบหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็น Picking Solution ระบบการส่งสินค้าที่รวดเร็วและแม่นยำ, ระบบทำความเย็นอัจฉริยะสำหรับตรวจจับความร้อนและทำความเย็นทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในตู้แช่ จึงทำให้คงความสด และคุณภาพสินค้าได้ยาวนานขึ้น, Eco-Friendly แสดงผลการลดพลังงานภายในสาขา ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 798,000 กิโลกรัมต่อปีของคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
นักช็อปควักจ่ายเพิ่ม
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการกับลูกค้า และคู่ค้าเพื่ออำนวยความสะดวกต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้ถือว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก เห็นได้จากปีก่อนที่มียอดผู้ใช้บริการเติบโตกว่า 50% และปีนี้โตเพิ่มขึ้น 60% หลังจากที่มีการนำเทคโนโลยีการชำระเงินเข้ามาช่วย ทำให้มี spending สูงกว่าเดิม โดยพบว่าลูกค้าเข้ามาใช้บริการบ่อยขึ้น หมุนเวียนเร็วขึ้นกว่าเดิม และเทคโนโลยีเหล่านี้ยังมีส่วนช่วยให้ข้อมูลต่างๆ แก่ลูกค้าได้ดีมาก ทำให้บริษัทสามารถออฟเฟอร์สินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น เพราะมีดาต้าทำให้รู้ว่าลูกค้าชอบอะไรและต้องการอะไร รู้ว่าร้านไหนคือร้านยอดนิยม ร้านไหนเป็น destination ของลูกค้า ช่วยให้บริษัทแบ่ง segmentation ได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ร่วมกับไทยพาณิชย์ พลิกโฉมประสบการณ์การช็อปปิ้งในยุคค้าปลีก 4.0 (Retail 4.0) ภายใต้แนวคิด “The First Cashless Retail Experience” เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคดิจิทัล สร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบไร้เงินสดครั้งแรกในประเทศไทย ผ่านระบบการชำระเงินดิจิทัลที่เดอะมอลล์ ทุกสาขา, ดิ เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และบลูพอร์ต หัวหิน ด้วยการพัฒนาช่องทางการรับชำระเงินด้วย QR Code ณ จุดเคาน์เตอร์แคชเชียร์ของ Gourmet Market ทุกสาขา และ SCB Money App การพัฒนาช่องทางการรับชำระเงินด้วย QR Code ให้แก่ร้านค้าใน Food Hall และ Take Home ทุกสาขา รวมกว่า 500 ร้านค้าโดยเริ่มตั้งแต่ปี 2560
เชื่อมระบบปฏิบัติการ
ขณะที่นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การนำเทคโนโลยี IoT และ AI มาใช้ในแม็คโคร ดิจิทัล สโตร์ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของลูกค้า และผู้ประกอบการ ซึ่งจะเชื่อมระบบปฏิบัติการ การบริหารจัดการร้านค้า พนักงาน คู่ค้า ลูกค้าเข้าด้วยกัน ซึ่งวันนี้ลูกค้าและผู้ประกอบการในยุคดิจิทัลต้องการความสะดวก รวดเร็วและแม่นยำ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่แม็คโครต้องพัฒนาและตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
“แม้แม็คโครจะเป็นธุรกิจค้าส่ง แต่โอกาสการเติบโตในอนาคตขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพ การนำดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อน จะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเป็นดิจิทัล สโตร์นี้จะมีแม็คโคร สาขาลาดกระบังเป็นต้นแบบ และจะนำเทคโนโลยีไปปรับใช้กับสาขาอื่นๆ ต่อไป”
3 ปีสู่ดิจิทัล สโตร์เต็มตัว
นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า เชื่อว่าประเทศไทยจะก้าวสู่รีเทล 4.0 ได้อย่างสมบูรณ์แบบในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยนับจากนี้จะเห็นการพัฒนา การนำเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการแต่ละรายพยายามนำเสนอดิจิทัล สโตร์ โดยพัฒนาแฟล็กชิพ สโตร์ขึ้นมา แต่ก็เป็นเหมือนโชว์รูม ในการโชว์นวัตกรรมยังไม่มีการกระจายอย่างแพร่หลาย ณ วันนี้ถือว่ามีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับโมเดิร์นเทรดในหลายประเทศ ทั้งญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือมาเลเซีย
อย่างไรก็ดี การจะก้าวสู่รีเทล 4.0 ต้องประกอบไปด้วย 4 เสาหลัก ได้แก่ 1. E-commerce 2. E-finance 3. E-logistics และ 4. Big Data ซึ่งในวันนี้ เสาที่ 1 และ 2 ถือว่าเริ่มต้นและดำเนินการได้ในระดับหนึ่งแล้ว ส่วน E-logistics ไม่ใช่แค่การขนส่ง แต่ต้องรวมไปถึงการคาดการณ์สินค้าอย่างแม่นยำ ซึ่งการจะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง จะต้องขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ ประมวลผลข้อมูลจาก Big Data ซึ่งวันนี้ยังขาดการนำมาใช้
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3491 ระหว่างวันที่ 28 - 31 กรกฎาคม 2562