ศาลรธน.ขู่นักเลงคีย์บอร์ดวิจารณ์รับคำร้องอนค.ล้มล้างการปกครอง

25 ก.ค. 2562 | 09:57 น.

ศาลรธน.ขู่นักเลงคีย์บอร์ด วิจารณ์ ข่มขู่ ดูหมิ่น ตุลาการมีสิทธิเจอคุก หลังโลกโซเชียลวิจารณ์ปมรับคำร้องพรรคอนาคตใหม่ล้มล้างการปกครองฯ  
         

วันนี้ ( 25 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล โดยระบุว่า 

ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 210 และพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 คือการพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย หรือร่างกฎหมาย การพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์อิสระ และหน้าที่และอำนาจที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ระบอบการปกครองและความมั่นคงแห่งรัฐ การพิจารณากรณีที่กฎหมาย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ 

รวมถึงการพิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันได้แก่ การวินิจฉัยการสิ้นสุดสมาชิกภาพ หรือคุณสมบัติของส.ส. หรือส.ว. และรัฐมนตรี ซึ่งในการพิจารณาหรือวินิจฉัยคดีนั้นก่อนพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ นักการเมือง หรือประชาชน บุคคลทั่วไปสามารถวิพากษ์วิจารณ์คำสั่ง คำวินิจฉัย หรือการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญได้  

        ศาลรธน.ขู่นักเลงคีย์บอร์ดวิจารณ์รับคำร้องอนค.ล้มล้างการปกครอง

ส่วนในกรณีกระทำการเกินเลยไปถึงขั้นดูหมิ่น ข่มขู่ หรือคุกคามศาล หรือตุลาการ ผู้กระทำอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาในฐานความผิดเรื่องดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หรือศาลฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 หรือมาตรา 198 ตามลำดับ

อีกทั้ง ปัจจุบันเมื่อพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ได้มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.2561 การวิพากษ์วิจารณ์คำสั่ง คำวินิจฉัย หรือการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตหรือบทบัญญัติของพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 วรรคสาม โดยการวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคีดนั้นจะต้องกระทำโดยสุจริต และมิได้ใช้ถ้อยคำ หรือมีความหมายหยาบคาย เสียดสี หรือ อาฆาตมาดร้าย ซึ่งครอบคลุมถึงการใช้สื่อและสังคมออนไลน์ด้วยทั้งนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลที่เข้ามาหรือจะเข้ามาในที่ทำการศาล หรือบริเวณที่ทำการศาลหรือเข้าฟังการไต่สวนของศาล กรณีมีความจำเป็นศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการออกคำสั่งให้บุคคลใดกระทำการ หรืองดเว้นกระทำการเพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และรวดเร็ว ตลอดจนมีอำนาจในการออกข้อกำหนดหรือคำสั่งเพื่อให้กระบวนการพิจารณาของศาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งหรือข้อกำหนดดังกล่าวให้ถือเป็นการละเมิดอำนาจของศาลซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 39 วรรคหนึ่ง( 3)  การบังคับใช้บทบัญญัติละเมิดอำนาจศาลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมแก่คู่กรณีและให้กระบวนการพิจารณาคดีดำเนินต่อไปได้ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งในบริเวณศาลและนอกศาลและป้องกันการประวิงคดีและการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่เกินขอบเขตและไม่สุจริต ทั้งนี้ศาลจะใช้ตามความจำเป็นเพื่อให้อำนวยความยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

        ศาลรธน.ขู่นักเลงคีย์บอร์ดวิจารณ์รับคำร้องอนค.ล้มล้างการปกครอง
     

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าเอกสารข่าวดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญออกมาภายหลังจากที่เมื่อค่ำวันที่ 24 ก.ค. เพจพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)  ได้มีการเผยแพร่คำสั่งและคำร้องของนายณฐพร โตประยูร ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ส่งให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยุบตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เพื่อให้ชี้แจ้งแก้ข้อกล่าวหาการกระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลับมายังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วมีบุคคลเข้าไปแสดงความคิดเห็นในลักษณะโจมตี เสียดสี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา 

รวมทั้งมีการแชร์ข้อความดังกล่าวไปเป็นจำนวนมาก จึงน่าจะเป็นเหตุผลให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวดังกล่าว เพื่อที่จะปรามและให้ความรู้ว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายละเมิดศาล ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ