'สุริยะ'เล็งดึงทุนต่างชาติจากจีนหนีสงครามการค้าเข้าไทย
รมว.อุตสาหกรรมชี้เรื่องเร่งด่วนต้องรั้งนักลงทุนไม่ให้ย้ายฐานไปประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมโน้มน้าวทุนต่างชาติจากจีนที่หนี้สงครามการค้ามาไทย เผยล่าสุดมี 4 บริษัทแล้วให้ความสนใจ ระบุเตรียมคุยกับเจโทรภายในเดือนนี้
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการะทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ว่า ประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการเพื่อดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนไม่ให้ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม และอินเดีย รวมถึงโน้มน้าวบริษัทที่จะมีการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน เพื่อหลีกหนีข้อจำกัดทางการค้าจากสหรัฐอเมริกาให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ ล่าสุดนิตยสารนิเคอิ เอเชียน รีวิว มีการเปิดเผยผลสำรวจว่ามี 4 บริษัทที่ให้ความสนใจจะย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ได้แก่ คาสิโอ คอมพิวเตอร์ ผู้ผลิตนาฬิกาข้อมูล ,ไซลุน ไทร์ ผู้ผลิตยางรถยนต์ ,ซิติเซน วอทซ์ ผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือ และริโค่ ผู้ผลิตอุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติ และเครื่องใช้สำนักงาน และมีหลายบริษัทที่เตรียมย้ายฐานการผลิตจากจีนไปลงทุนประเทศเวียดนาม แม็กซิโก ไต้หวัน เช่น แอ๊ปเปิ้ล ,สเก็ตเชอร์ ,มิตซูบิชิ อิเล็กทริกส์ ,สุมิโตโม แฮฟวี่ อินดัสตรี และเอซุส เท็ก เป็นต้น
“ประเทศไทยควรใช้โอกาสนี้ในการดึงนักลงทุนที่จะย้ายฐานการผลิตออกจากจีนให้เข้ามาลงทุนในไทย โดยเร็วนี้มีแผนเดินทางไปชี้แจงข้อมูลการลงทุนในต่างประเทศ หรือโรดโชว์ เช่น จีน เป็นเรื่องเร่งด่วน โดยเชื่อว่าหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนๆได้”
อย่างไรก็ดี เบื้องต้นมีกำหนดการหารือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เพื่อหารือทิศทางและนโยบายส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรมของไทย ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และมอบหมายให้นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จัดกำหนดการพบปะนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศให้มีความชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะการหารือกับนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่นเป็นเรื่องเร่งด่วนลำดับแรก เพื่อรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งข้อดี และข้อเสียนำมาปรับปรุงนโยบายและหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการส่งเสริมการลงทุนของไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุน
นอกจากนี้ ยังเตรียมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการธุรกิจ ทั้งยังต้องทำงานแบบบูรณาการร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ทบทวนสิทธิประโยชน์ในการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนภาคอุตสาหกรรม เกิดการจ้างแรงงานที่มีทักษะและได้รับประโยชน์จากการถ่ายทอดองค์ความรู้