ลดภาษีบุคคลธรรมดา ต้องรอบคอบ - เป็นธรรม

20 ก.ค. 2562 | 05:08 น.

บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3489 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค.2562

 

ลดภาษีบุคคลธรรมดา

ต้องรอบคอบ - เป็นธรรม

                  ถึงตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทรวงการคลังจะเสนอนโยบายการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลหรือไม่ เพราะดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนว่าในทางปฏิบัติจะทำได้หรือไม่ พร้อมชี้แจงว่า แม้ว่าเรื่องนี้ทางพรรคพลังประชารัฐเคยประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่เมื่อถึงเวลาทำงานจริงต้องมาดูรายละเอียดกันว่าทำได้หรือไม่อย่างไร

                  คงต้องยอมรับว่าปัจจุบันรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็น 1 ใน 3 รายได้ภาษีสำคัญที่จัดเก็บได้ในแต่ละปี รองจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้เป็นอันดับ 1 ประมาณ 8 แสนล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บได้ประมาณ 6.6 แสนล้านบาท และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 3.2 แสนล้านบาท แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดกลับพบว่า คนไทย 65.7 ล้านคน ยื่นแบบภาษี 10.3 ล้านคน แต่มีแค่ 4 ล้านคนที่จ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีงบประมาณ 2558 ให้กรมสรรพากรเป็นเงิน 302,491 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 6.3 ล้านคน มายื่นแบบภาษีแต่ไม่ต้องจ่ายภาษี เพราะมีรายได้สุทธิไม่ถึงเกณฑ์ภาษี

                  ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่าการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามข้อเสนอเดิมของพรรคพลังประชารัฐคือการหัก 10% จากทุกอัตรารัฐจะมีรายได้ลดลง 180,000 ล้านบาทต่อปี และจำนวนผู้เสียภาษีจะลดลงจาก 4 ล้านคนเหลือประมาณเพียง 1 ล้านคน แต่ถ้าดำเนินการตามแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ คือ การลดภาษีเงินได้ส่วนบุคคล 20% จากอัตราเดิมให้ทุกคน - เว้นแต่ผู้มีรายได้เกินปีละ 5 ล้านบาทยังจ่ายเท่าเดิม เช่น ใครเสียอัตราเดิม 20% ก็จะปรับลดลงเหลือ 16% หรือ 10%ก็จะเหลือ 8% เป็นต้น การดำเนินการด้วยวิธีนี้ผู้เสียภาษีเกือบทุกคนยกเว้น 30,000 คนที่รวยที่สุดขณะที่รายได้ของรัฐก็จะลดลงประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่วนจำนวนผู้เสียภาษียังมีจำนวนเท่าเดิม แต่จะมีภาระภาษีน้อยลง 20%

                  แน่นอนว่าการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาย่อมกระทบกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐ แต่ในทางกลับกันนโยบายนี้ นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระภาษีให้กับคนชั้นกลางแล้ว ยังเป็นการเติมเงินในกระเป๋าให้กับคนทำงานโดยตรง เพราะต้องไม่ลืมว่าปัจจุบันเงินเดือนในแต่ละเดือนของคนทำงานส่วนใหญ่จะถูกบริษัทหักภาษีเอาไว้อยู่แล้ว หากรัฐมีนโยบายลดภาษีเงินได้ลง ก็จะทำให้มนุษย์เงินเดือนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากภาระภาษีที่น้อยลง ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้แบบตรงจุด ไม่ต้องกลัวเงินรั่วไหล รวมทั้งยังส่งผลให้ในทางอ้อมให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการพิจารณาว่าจะผลักดันให้การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นนโยบายเร่งด่วนหรือไม่จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ