เศรษฐกิจจีน Q2 โตต่ำสุดในรอบ 3 ทศวรรษ

15 ก.ค. 2562 | 07:59 น.

เศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาส2 ของปี 2562 (เม.ย.-มิ.ย.)ทำสถิติ “ขยายตัวน้อยที่สุด” ในรอบเกือบๆ 3 ทศวรรษ โดยขยายตัวที่อัตราเพียง 6.2% ต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ที่ 6.4%  ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสถิติต่ำที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลจีนเริ่มเปิดเผยรายงานตัวเลขเศรษฐกิจรายปีในปีพ.ศ. 2535 เป็นปีแรก

 

สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากบรรยากาศความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่หยุดชะงักไประยะหนึ่งและกำลังเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นใหม่หลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบปะหารือกันนอกรอบการประชุม G20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ก็ยังมองเห็นปัจจัยที่ทำให้เชื่อว่าการชะลอตัวดังกล่าวจะไม่ย่ำแย่ลงไปมากนักแต่จะเป็นการปรับสมดุลให้มีสเถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตัวเลขผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมของจีนยังมีการขยายตัวที่ 6.3% และตัวเลขยอดขายในธุรกิจค้าปลีกก็ยังเป็นบวกที่ 9.8% ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เม็ดเงินการลงทุนเพิ่มขึ้นในอัตรา 5.8%  ตัวเลขทั้งสามชุดนี้ซึ่งเป็นไปในทิศทางบวก ทำให้เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายมาตรการที่รัฐบาลจีนนำมาใช้ อาจจะกำลังส่งผลลัพธ์ให้เห็น


เศรษฐกิจจีน Q2 โตต่ำสุดในรอบ 3 ทศวรรษ

นักวิเคราะห์เชื่อว่า เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแผ่วเบาในช่วงไตรมาสที่2  แต่หลังจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2562 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวและเติบโตในระดับปานกลางซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล  ทั้งนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของบริษัทเอกชนจีนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่การลงทุนของภาครัฐวิสาหกิจกลับแผ่วลง ซึ่งก็เป็นอีกบทพิสูจน์ว่ามาตรการของรัฐบาลจีนที่มุ่งอัดฉีดสภาพคล่องเงินสดให้กับบริษัทเอกชนนั้น เริ่มให้ผลลัพธ์อย่างที่มุ่งหวัง  

 

ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา มีมูลค่ารวมจีดีพีที่ประมาณ 13.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากปัจจัยลบด้านสถานการณ์การเผชิญหน้ากับสหรัฐฯซึ่งคาดว่าการเจรจาจะยืดเยื้อและน่าจะใช้เวลาอีกนานกว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ ส่งผลให้ความไม่แน่นอน และไม่สามารถคาดการณ์ได้ ยังมีอิทธิพลครอบงำบรรยากาศการค้า-การลงทุนในภาพรวม จีนยังมีอีกปัญหาใหญ่ที่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว นั่นคือ ภาระหนี้สินทั้งของภาครัฐและเอกชน

 

หนี้สาธารณะของจีนพุ่งสูงขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 271% ของจีดีพีในปี 2561 เป็นการเพิ่มขึ้นจากระดับเพียง 164% ในช่วงก่อนที่ทั่วโลกจะเผชิญกับวิกฤติการเงินในปี 2551

 

ในขณะที่หนี้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนกลับแผ่วลงอย่างต่อเนื่องสวนทางกัน โดยในไตรมาสแรกของปี 2553 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)ของจีนขยายตัวในอัตรา 12.2% แต่หลังจากนั้นก็ขยายตัวในอัตราน้อยลงมาเรื่อยๆ จนถึงไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปีนี้ ที่ขยายตัวในอัตรา 6.4% และ 6.2% ตามลำดับ ซึ่งการขยายตัวรายไตรมาสที่อัตรา 6.2% นั้น แม้ว่าจะเป็นอัตราขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 27 ปี แต่ก็เป็นระดับที่รัฐบาลจีนระบุว่า “ยอมรับได้” เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่า เศรษฐกิจภาพรวมของจีนในปี 2562 นี้ จะขยายตัวในอัตราระหว่าง 6% - 6.5%