สหกรณ์การเกษตรรัตภูมิเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายฐานลูกค้าทั้งสื่อการเรียนการสอน ของเล่นเด็ก รองเท้าหนีบ พร้อมเพิ่มช่องทางการทำตลาดผ่านงบประมาณรัฐ โรงพยาบาล การออกงานแสดงสินค้า ดันรายได้สู่หลักล้านบาท
นายกิตติธัช ณ วาโย รองผู้จัดการ สหกรณ์การเกษตรรัตภูมิ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากยางพาราแปรรูป เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากที่สหกรณ์ได้ดำเนินการลงทุนก่อสร้างโรงงานแปรรูปยางพาราอย่างเป็นรูปธรรมในปีที่ผ่านมา และได้ทดลองผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปแบบที่เป็นของสหกรณ์เอง และการรับจ้างผลิต (OEM) โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ซึ่งกลยุทธ์ในลำดับต่อไปสหกรณ์จะพยายามนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มรายได้ให้มีมากขึ้น
ทั้งนี้ ล่าสุดสหกรณ์ฯได้ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพื่อนำนวัตกรรมมาปรับใช้กับการแปรรูปยางพาราให้มีมูลค่า และมีคุณภาพมากขึ้น โดยจะทำออกมาในรูปแบบของสื่อการเรียนการสอนสำหรับเด็ก เช่น ตัวอักษรภาษาไทย และภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังทำเป็นของเล่นเด็กในรูปแบบของสัตว์ทะเล เช่น ลูกเต่า หรือปลาดาว เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนในปัจจุบันอยู่ระหว่างการวิจัย และพัฒนา (R&D) เพื่อให้ได้แนวทางการใช้ประโยชน์จากยางพาราที่เหมาะสมมากที่สุด
“การนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ เป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมที่สหกรณ์เคยผลิตและจำหน่ายอยู่ในรูปแบบของแผ่นรองพื้นกันกระแทกที่ทำจากยางพารา โดยมุ่งหวังเจาะตลาดจากงบประมาณภาครัฐที่กระจายไปยังโรงเรียน และหน่วยงานต่างๆที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากยางพารา ซึ่งสหกรณ์สามารถผลิตให้ได้หมดตามออร์เดอร์”
นอกจากนี้ ยังเตรียมนำเสนอรองเท้าแบบหนีบแบรนด์ P- VEA (พี เวียร์) ต่อยอดผลิตภัณฑ์รอง เท้าในรูปแบบของรองเท้าแตะ รองเท้าสวม และรองเท้าบูตที่มีวางจำหน่ายอยู่ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการเจรจาทางธุรกิจกับผู้ว่าจ้างให้แปรรูปยางพาราเป็นเกือกที่ใช้กับวัวนม และวัวชน จากเดิมที่เคยรับจ้างผลิตที่นวดเท้า และยางรองส้นเท้า โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่สหกรณ์ผลิตและจำหน่ายอยู่ยังประกอบด้วย ยางบีบมือ สำหรับผู้ป่วยติดเตียง และบุคคลทั่วไปซึ่งต้องการบริหารกล้ามเนื้อ
อย่างไรก็ตาม สหกรณ์ยังจะพยายามเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กระจายไปทั่วประเทศมากขึ้น จากเดิมที่จะมีวางจำหน่ายอยู่ที่สหกรณ์การเกษตรรัตภูมิ และการออกงานแสดงสินค้าในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยจะเริ่มออกงานแสดงสินค้าในพื้นที่อื่นมากขึ้น พร้อมทั้งการทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึง การทำตลาดผ่านทางโรงพยาบาล ต่างๆ และการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้มีจำนวนมากขึ้น
นายกิตติธัช กล่าวต่อไปอีกว่า จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวสหกรณ์ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1-2 ล้านบาท ในปีนี้ โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์จากสหกรณ์อยู่ที่การนำวัตถุดิบธรรมชาติจากยางพาราแท้ของสมาชิกมาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเรื่องอายุการใช้งานที่ยาวนาน ความยืดหยุ่น รวมถึงสามารถป้องกันการลื่นได้ และมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน
“เราต้องการส่งเสริมให้ผู้บริโภคในประเทศได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัตถุดิบของไทย เพื่อให้เงินหมุนเวียนภายในประเทศ ได้กระจายไปสู่เกษตรกรที่ปลูกยางพาราที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์ แม้อาจจะมองมีราคาที่สูง แต่เทียบกับคุณภาพและอายุในการใช้งานแล้วถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก”
หน้า 8 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3488 วันที่ 18-20 กรกฎาคม 2562