บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3486 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 11-13 ก.ค.2562
ครม.‘ประยุทธ์’
ต้องทำการบ้านล่วงหน้า
สถาบันเศรษฐกิจหลายสำนักได้ออกมาปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ลง ก่อนหน้านี้เป็นธนาคารกรุงไทยที่คาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจหรือจีดีพีจะโตได้แค่ 3.3% ธนาคารทหารไทยให้คาดการณ์อัตรา 3% ธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดการณ์ 3.2% ธนาคารไทยพาณิชย์คาดการณ์ 4.0% ธนาคารกสิกรไทย 3.1% สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย 3%
ด้านหน่วยงานรัฐปรับลดคาดการณ์จีดีพีลงเช่นเดียวกัน โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลงจาก 4.0 เหลือ 3.6% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ที่ 3.8 % ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ที่ 3.3 %
ล่าสุดธนาคารโลกได้ปรับลดประมาณการจีดีพีจากคาดการณ์เดิมที่ 3.8% เหลือ 3.5% โดยเศรษฐกิจไตรมาสแรกออกมา 2.8% ขยายตัวตํ่ากว่า 3% นับตั้งแต่ปี 2558 ปัจจัยหลักจากภาคการส่งออกที่หดตัว 4% ในไตรมาสแรกและเป็นไตรมาสแรกในรอบ 3 ปีที่การส่งออกหดตัวลงภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกและภูมิภาคอ่อนแอจากปัญหาความขัดแย้งทางการค้า โดยประเมินการส่งออกปีนี้อยู่ที่ 2.2% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวได้ 5.7% โดยมีมุมมองว่าการบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐจะเป็นปัจจัยช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรัฐชะลอลงเล็กน้อยในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
ธนาคารโลกให้นํ้าหนักปัจจัยเสี่ยงจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมืองของรัฐบาลผสม 19 พรรค การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ส่งผลต่อความล่าช้าในการดำเนินงานตามแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ และการใช้จ่ายงบประมาณอาจจะล่าช้า 3-6 เดือน กระทบต่อโครงการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ยังไม่ได้จัดซื้อจัดจ้าง และอาจส่งผลในทางลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความมั่นใจของผู้บริโภคส่งผลให้อำนาจซื้อในประเทศอ่อนตัวลง
ภาพรวมออกมาค่อนข้างแย่สำหรับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งการเติบโตระดับ 3.2-3.4% ประกอบกับการกระจายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหามานานอยู่แล้ว จะยิ่งซํ้าเติมให้ทุกอย่างเลวร้ายลง สัญญาณอีกประการมาจากปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนโลกที่ผันผวนสูง ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากและยาวนานเมื่อเทียบเงินสกุลอื่นและปัญหาสงครามการค้า ส่งผลกระทบโดยตรงกับกำลังซื้อนักท่องเที่ยว หรือจำนวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากจีนที่ชะลอตัวลง เราเสนอให้ธปท.ดูแลบริหารค่าเงินบาทให้เหมาะสมและเอื้อต่อเศรษฐกิจและให้เร่งตั้งครม.ชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศและพร้อมทำการบ้านล่วงหน้า เพื่อให้เดินหน้านโยบายทันทีโดยไม่ชักช้า อย่าให้ประชาชนต้องสูญเสียเวลาและโอกาสทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากความไม่พร้อมของรัฐบาล