“เซ็นทรัล ดีเอฟเอส” เผยโฉมร้านค้า หลังคว้าพื้นที่รีเทล 1,400 ตร.ม. ในสนามบินอู่ตะเภา มั่นใจนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการทะลุ 3 ล้านคนต่อปี
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการบริษัท เซ็นทรัล ดีเอฟเอส จำกัด เปิดเผยว่า เชื่อว่า สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ จะกลายเป็นอีกจุดสำคัญของการท่องเที่ยว และระบบ โลจิสติกส์ (Logistics) เนื่องจากตั้งอยู่ห่างเมืองพัทยาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เพียง 30 กิโลเมตร และอยู่ใกล้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในจังหวัดระยอง และชลบุรี สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ เป็นสนามบินที่บริหารงานโดยกองทัพเรือ มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กองการบินทหารเรือซึ่งมีความสะดวกในการเดินทางเชื่อมต่อไปยังภาคตะวันออกของไทย เพื่อก้าวสู่การเป็นสนามบินนานาชาติที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย และสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทย ได้อย่างดี
ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทชนะการประมูลสัมปทานกิจการโครงการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) มีพื้นที่ในการบริหารทั้งหมด 1,400.5 ตารางเมตร ณ อาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา เป็นเวลา 10 ปี โดยเริ่มเปิดให้บริการร้านค้าและเครื่องดื่มแล้ว ประกอบด้วย ร้านอาหารและเครื่องดื่ม อาทิเช่น Auntie Anne’s, KFC, Segafredo, Mr. Cup T, Amazon, Coffee World, New York Deli, Drinks & Quick Bites, และศูนย์อาหาร Eatery Gardens ร้านขายสินค้า จากแบรนด์หลากหลาย อาทิ Central DFS Shop ที่มีทั้งสินค้าไทย สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง, สินค้าสำหรับเดินทาง ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว, ร้าน Thai Favourites ที่รวมผลิตภัณฑ์อาหารไทยและขนมไทยที่ขึ้นชื่อ, B2S, Boots, ร้านขายของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมี เคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตรา และร้านจำหน่ายซิมโทรศัพท์มือถือ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และผู้มาใช้บริการสนามบิน
“ด้วยศักยภาพของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ ตามยุทธศาสตร์ประเทศไทยที่ส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกรองรับการขยายตัวของพื้นที่ (EEC) เป็นสนามบินที่สำคัญในภูมิภาค สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน ทำให้เซ็นทรัลมีความตั้งใจที่อยากเข้ามาพัฒนา ผลักดันพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินนานาชาติ อู่ตะเภาฯ แห่งนี้ ให้เป็นจุดหมายสำคัญ เป็นประตูสู่ภาคตะวันออกที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ สินค้า และบริการที่แตกต่างน่าประทับใจและเป็นที่จดจำ”
ด้านพลเรือโท ลือชัย ศรีเอี่ยมกูล ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ ให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ จึงได้ทำการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น ในการพัฒนาคุณภาพการบริการ จำเป็นต้องจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร การท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา จึงเปิดประมูล ให้สิทธินิติบุคคลไทยในการประกอบกิจการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ณ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ ซึ่งผลจากการประมูล การท่าอากาศยานอู่ตะเภาตกลงให้สิทธิ บริษัท เซ็นทรัล ดีเอฟเอส จำกัด ในการวางแผนลงทุนและพัฒนาพื้นที่ จำนวน 1,400.5 ตร.ม. เพื่อประกอบกิจการโครงการร้านค้าและบริการ (Retail and Services) ณ อาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ
โดยในปัจจุบัน เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2562 มี 16 สายการบิน 32 เส้นทางการบินจาก 4 ประเทศ หลัก ๆ ได้แก่ จีน, รัสเซีย,มาเลเซีย และอังกฤษ มีผู้โดยสารรวมกว่า 1 ล้านคน ประกอบด้วยผู้โดยสารในประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 45% และผู้โดยสารระหว่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 55% (ซึ่งแบ่งเป็นสัญชาติรัสเซีย 50%, จีน 40%, คาซัค 3% และมาเลเซีย 3%) โดยนักท่องเที่ยวรัสเซียส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับบริษัททัวร์ สำหรับผู้เดินทางภายในประเทศเป็นผู้เดินทางท่องเที่ยวแบบอิสระ (Foreign Individual Tourism) และคาดว่าภายในปี 2562 จะมีนักท่องเที่ยว มากกว่า 2 ล้านคน
สำหรับบริษัท เซ็นทรัล ดีเอฟเอส จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุน ระหว่าง กลุ่มเซ็นทรัล ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจค้าปลีกมากว่า 72 ปี มีหลากหลายกลุ่มธุรกิจ มีจำนวนมากกว่า 3,700 สาขาในประเทศไทย และ 17 ประเทศทั่วโลก และบริษัท ดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวระดับลักซ์ชัวรี่มากว่า 59 ปี และยังเป็นผู้บริหารดิวตี้ฟรี และพื้นที่รีเทลในสนามบินและร้านปลอดอากรในเมือง รายใหญ่รายหนึ่งของโลก ดำเนินธุรกิจใน 13 ประเทศ ใน 4 ทวีป อาทิ ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี ประเทศสิงค์โปร์, ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก และท่าอากาศยานนานาชาติ ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา