เปิดโพยหุ้นแนะนำรับฟันด์โฟลว์ไหล-เฟดลดดอกเบี้ย ลุ้นหุ้นไทยครึ่งปีหลังแตะ 1800-1850 จุด ด้าน SCBS ห่วงพัฒนาการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ฉุดเศรษฐกิจโลก คาดเศรษฐกิจไทยโต 3.3% ผลกระทบจากส่งออก-เบิกจ่ายล่าช้า
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะดำเนินต่อไปในครึ่งปีหลัง และยังคงมีความเสี่ยงที่จะเป็นตัวฉุดรั้งทั้ง sentiment ตลาดการเงิน และภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสงครามการค้าอาจจะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) จึงเชื่อได้ว่าสหรัฐฯกับจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าบางอย่างร่วมกันได้บ้างในอนาคต โดยทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะลดภาษีนำเข้าในส่วนของสินค้ามูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เพิ่งประกาศขึ้นภาษีเป็น 25% ไปในเดือนพฤษภาคมลงในอีก 3-6 เดือน ข้างหน้า แต่ในทางตรงข้าม หากสหรัฐฯกลับมาประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าอีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงอีก 15-20% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะแข็งแกร่งกว่าโดยมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลง 7-10% จากระดับปัจจุบัน
“SCBS มองว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ เฟดอาจไม่มีความจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยลง 0.25% เนื่องจากแรงกดดันจากเทรดวอร์ผ่อนคลายลง หลังจากการประชุม G20 สหรัฐฯยังไม่ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนอีก 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”
ส่วนด้านเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจนโดยส่งออกสินค้าและบริการที่แท้จริงในไตรมาสแรกหดตัวลง 4.9% YoY ส่งผลให้จีดีพีในไตรมาส 1/62 ขยายตัว 2.8% ในขณะที่ครึ่งหลังมีปัจจัยเสี่ยงจากการเบิกจ่ายที่ล่าช้าที่อาจกระทบการลงทุนภาครัฐ SCBS คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2562 ไว้ที่ 3.3%
"SET Index ช่วงที่เหลือของปีนี้คาดอยู่ระดับ 1700-1750 จุด บนคาดการณ์ P/E ที่ 16.3 เท่าและ EPS 105 บาทต่อหุ้น กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 3 ปี 2562 หุ้น Top pick มุ่งเน้นไปที่หุ้นที่อ้างอิงปัจจัยในประเทศ ที่มีประเด็นการเติบโตและได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA และ ROJNA) กลุ่มการแพทย์ (CHG) กลุ่มธนาคาร (KTB) และ กลุ่มปิโตรเคมี (IVL) "
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ฯ คาดว่าหุ้นไทยในเดือนกรกฎาคมจะปรับตัวขึ้นไปแตะแนวต้านที่ระดับ 1760 จุดได้ หลังสหรัฐฯ และจีนมีท่าทีจะสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราว พร้อมทั้งได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ และคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 7 สิงหาคมนี้ อาจเห็น กนง.เริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยลง เนื่องจากเงินบาทยังแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี
หากหุ้นไทยยืนเหนือระดับ 1760 ได้จะทำแนวต้านต่อไปที่ 1810 จุด และมีแนวต้านถัดไปที่ 1850 จุด โดยมีแรงหนุนสำคัญจากแรงซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งกลับมามีสถานะซื้อสุทธิ 4.6 หมื่นล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2562 และในช่วงหลังจากนี้จนถึงสิ้นปี 2562 บล.ทิสโก้ฯ คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาอีก 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลในอดีต ทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท ที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหรือขายสุทธิจะมีผลให้ดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง 22-23 จุด นอกจากนี้อาจจะมีข่าวดีจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลชุดใหม่ ประกอบกับมีโอกาสที่ประเทศไทยจะถูกปรับอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) ขึ้น หลังจากไม่ได้รับการปรับอันดับมากว่า 13 ปี
"ประเทศไทยกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง ปัจจัยพื้นฐานของประเทศแข็งแกร่ง อีกทั้งอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดลดลงต่อเนื่องมาอยู่ในระดับตํ่าเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2551”
ด้านบล.หยวนต้าฯ ประเมินเป้าหมาย SET Index ปี 2562 ที่ 1753 จุด ( base case) EPS 16.7 เท่า จากแรงหนุนสหรัฐฯระงับขึ้นภาษีจากจีน 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เฟดลดดอกเบี้ยครึ่งหลัง 1-2 ครั้งรวมถึงล่าสุดโอเปกได้ยืดอายุมาตรการลดกำลังการผลิตออกไป 6.9 เดือน ขณะที่การเมืองในประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็น sentiment เชิงบวก จากสถิติ 6 ครั้งที่ผ่านมาพบว่า ช่วงที่รัฐบาลแสดงนโยบาย SET Index จะปรับขึ้นเฉลี่ย 0.5-1.0% หลังแถลงไปแล้ว 5-10 วันทำการ และในกรณี (best case) ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสแตะที่ 1796 จุด ที่ EPS 17.1 เท่า
กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 3 แนะเก็งกำไรหุ้นจากงบไตรมาส 2 ,หุ้นปันผล และที่ได้ผลประโยชน์จากนโยบายรัฐ อาทิ CK แรงหนุนจากความคืบหน้าของงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และมีดิสเคาต์ NAV ของการถือหุ้นใน BEM, TTW, CKP สูงถึง -38% หุ้น PLANB ผลจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เริ่มออกดอกผลในครึ่งปีหลัง หนุนกำไรสุทธิให้เร่งตัวขึ้น
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3484 วันที่ 4-6 กรกฎาคม 2562