เมอร์เซเดส-เบนซ์"เอส-คลาส"ปลั๊ก-อินไฮบริด สายโหด

07 ก.ค. 2562 | 03:40 น.

รถยนต์ Flagship Modelของเมอร์เซเดส- เบนซ์รุ่น “เอส-คลาส” โฉมเฟซลิฟต์ ประกอบในประเทศ ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยราคา 6.99 ล้านบาท

ผมมีโอกาสได้สัมผัส “เอส-คลาส” รุ่นนี้ หลังไปร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ที่โรงเรียน เยาววิทย์ จ.พังงา ที่ค่ายรถจากเยอรมนีลงไปช่วยสนับสนุนการศึกษามานานถึง 15 ปีแล้ว (หลังจากเกิดสึนามิ ปี 2547) งานนี้ขับกันเป็นคาราวานเกือบๆ 20 คัน แต่เน้นกลุ่ม “อีคิว” หรือรถปลั๊ก-อินไฮบริด ทั้ง ซี-คลาส เฟซลิฟต์ ที่เพิ่งพร้อมขึ้นไลน์ผลิตรุ่น C 300e ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ไปเมื่อเร็วๆนี้ และรุ่นที่ทำตลาดมาก่อนอย่าง E 350 e

เมอร์เซเดส-เบนซ์"เอส-คลาส"ปลั๊ก-อินไฮบริด สายโหด

ในส่วน S 560 e AMG Premium ที่ถูกนำมาเป็นหนึ่งในพาหนะตลอดเส้นทางกระบี่-พังงา เป็นรถสีดำ มองจากภายนอกยิ่งดูน่าเกรงขาม ทั้งความใหญ่ การออกแบบ จนชวนให้คิดว่าคนที่นั่งอยู่ในรถต้องเป็นระดับซูเปอร์วีไอพี มีทีมงานรักษาความปลอดภัยคอยคุ้มกัน หรือเป็นพวกเจ้าพ่อกับทีมมือปืน จินตนาการได้ประมาณนั้น

คำว่า AMG Premium ต่อท้ายยังหมายถึงการเสริมความหล่อด้วยกันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตข้าง และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว วิ่งบนถนนดูมีอำนาจมากขึ้นด้วยไฟ MULTIBEAM LED และระบบ Highbeam ที่สามารถปรับความสว่างและความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตรโดยอัตโนมัติ ยิ่งขับเวลากลางคืนจะเห็นลำแสงเป็นทางชัดเจนในทุกสภาพการณ์ ขณะเดียวกันก็ปรับลำแสงไม่ให้รบกวนเพื่อนที่สวนทางมาบนท้องถนนด้วย

 

การสัมผัส เอส-คลาส ใครๆก็รู้ว่าต้องนั่งเป็นเจ้านายด้านหลังละครับ (ให้เพื่อนสื่อมวลชนท่านอื่นขับให้) ด้วยเบาะนั่งแบบมีระบบนวด
เลือกได้ 4 แบบ คือ Refresh, Vitality, Warmth และ Joy แม้จังหวะกดจะไม่จี๊ดตรงเส้นหรือเน้นแรงๆเทียบเท่าหมอนวดแผนไทย-แต่เชื่อเถิดครับการนั่งโดยสารระยะทางเกิน 100 กิโลเมตร ระบบนี้ช่วยผ่อนคลายได้ดี

นอกจากนี้ ยังมีกลิ่นความหรูจากเบาะนั่งหุ้มหนังnappa และ ENERGIZING Comfort Control ควบคุมระบบปรับอากาศ ระบบฉีดนํ้าหอม ระบบฟอกอากาศ พร้อมไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Light) ขับกล่อมด้วยชุดเครื่องเสียงชั้นดีของ Burmester พร้อมช่วงล่างถุงลม นั่งกันไปเพลินๆ ลดอาการเหนื่อยล้าไปได้เยอะ

เมอร์เซเดส-เบนซ์"เอส-คลาส"ปลั๊ก-อินไฮบริด สายโหด

สำหรับช่วงล่างที่ปรับการทำงานโดยใช้กลไกการอัดหรือระบายอากาศ สามารถยกความสูงของตัวรถได้ 30 มิลลิเมตรเผื่อสภาพถนนแย่ๆ และเมื่อขับความเร็วสูง ระบบจะลดความสูงของตัวรถลง 20 มิลลิเมตรโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการทรงตัว

เรื่องเทคโนโลยี ความหรู ความสบาย เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ไม่ยอมให้ตัวเองเป็นรองคู่แข่งในระดับเดียวกันอยู่แล้วละครับ แต่สิ่งที่น่าสนใจยังอยู่ที่ขุมพลังไฮบริด เจเนอเรชัน 3 ที่ปรับปรุงประสิทธิผลประสิทธิภาพให้ดีขึ้นไปอีก

เครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 367 แรงม้า ที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-4,500 รอบต่อนาที เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 122 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ 5.0 วินาที เพียงพอที่จะพาซาลูนขนาดยักษ์คันนี้ ผ่านทุกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

 

ด้านแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ตัวเซลล์เป็นส่วนผสมของลิเทียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ผลิตโดยบริษัทดอยช์ แอกคิวโมทีฟ บริษัทลูกของกลุ่มบริษัทเดมเลอร์ฯ ทั้งหมด โดยขนาดของแบตเตอรี่นั้นมีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนหน้าและประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม

ชุดแพ็กแบตเตอรี่ถูกวางอยู่บริเวณที่เก็บสัมภาระด้านหลัง พัฒนาการเก็บประจุไฟฟ้าจาก 8.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็น 13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับโดยใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆเพิ่มขึ้น 60% หรือได้เป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง

...เร่งแรง นั่งสบาย ถ้าวิ่งในระยะทางสั้นๆอาจจะไม่ต้องใช้กำลังของเครื่องยนต์เลย(ไม่กินนํ้ามัน ไม่ปล่อยไอเสีย) เอาเป็นว่าถึงที่หมายสบายผิดกันครับ แต่ต้องยอมจ่ายค่าตัวร่วมๆ 7 ล้านบาทก่อน

เมอร์เซเดส-เบนซ์"เอส-คลาส"ปลั๊ก-อินไฮบริด สายโหด

เมอร์เซเดส-เบนซ์"เอส-คลาส"ปลั๊ก-อินไฮบริด สายโหด

ส่วนกิจกรรม CSR ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดคาราวานลงใต้ครั้งนี้ นำโดยประธานบริหารคนใหม่ “โรลันด์ โฟลเกอร์” และรองประธาน “ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์” ที่กำลังจะย้ายไปดูแลตลาดเม็กซิโกเร็วๆนี้ พร้อมพนักงานของบริษัทและสื่อมวลชน ร่วมกันลงพื้นที่ปรับปรุงสนามฟุตบอลให้กับน้องๆโรงเรียนเยาววิทย์ พร้อมมอบทุนการศึกษา 500,000 บาทอีกด้วย 

 

หน้า 28 -29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 39 ฉบับที่ 3,484 วันที่ 4 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2562