“อนุชา”ทวงสัจจะ”บิ๊กตู่” ยกรมว.พลังงานให้”สุริยะ”

29 มิ.ย. 2562 | 08:06 น.

“อนุชา”เชื่อนายกฯรักษาสัจจะชายชาติทหาร วอนยกเก้าอี้รมว.พลังงานให้ “สุริยะ” ตามที่รับปาก ลั่นพร้อมเสียสละออกคนเดียว ชี้ “ชาติพัฒนา” มีแค่ 3 เสียง แต่ได้ 1 เก้าอี้ เหมือนแม่ทัพเอาศัตรูมาตัดหัวลูกน้องตัวเอง เดือดจัดอัดคนในพปชร.จ้องให้ร้าย “สามมิตร” ผ่านสื่อ

วันนี้( 29 มิ.ย.) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลาง เปิดแถลงข่าวภายหลังมีกระแสข่าวหลุดจากเก้าอี้รมช.คลัง ว่า ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าขอให้มั่นใจว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปมาจากความรู้สึกจากจิตใจของตน ไม่มีใครแต่งเติมให้

“ขอบคุณนายกฯพล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้จัดโผคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา และได้บอกกับหัวหน้าว่าจบแล้ว ห้ามมีการเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด และโผนั้นก็มีชื่อผมเป็นรมช.คลัง ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรมว.พลังงาน ผมคิดว่านายกฯทราบดีเรื่องการทำงานของพวกผม ที่ได้ทุ่มเททำงานหามรุ่งหามค่ำตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคพปชร.จนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อหวังว่าให้พรรคและส.ส.ทุกคนประสบความสำเร็จ และที่สำคัญสูงสุด คือได้นายกฯที่พรรคพปชร.และประชาชนต้องการ คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกรอบหนึ่ง และเราก็ทำจนประสบความสำเร็จ”

“อนุชา”ทวงสัจจะ”บิ๊กตู่” ยกรมว.พลังงานให้”สุริยะ”

                                       อนุชา นาคาศัย

นายอนุชา กล่าวว่า ผลสำเร็จดังกล่าวมาจาก 5 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ 1.พรรคเสนอผู้นำที่ดีในการชิงตำแหน่งนายกฯ 2.การเงินของพรรคที่มีความมั่นคง 3.การมีบุคลากรที่ดีเป็นผู้สมัครส.ส. 4.มีนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ดีในการรณรงค์หาเสียง 5.การจัดการบริหารงานของพรรคที่ดี

ข้อ 1 กับ 2 นั้น พวกตนไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้มากนัก แต่ก่อนเข้าพรรคพปชร.ก็คิดกันถี่ถ้วนแล้วว่า ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีกสมัย ส่วนข้อ 3-5 พวกตนมีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานร่วมกับเพื่อนพี่น้องและผู้บริหารในพรรคพปชร.ทุกคน จนประสบความสำเร็จ ซึ่งสื่อมวลชนในพรรคก็ทราบดีว่า ตนทำงานในพรรคหนักขนาดไหน แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นสาระสำคัญ เพราะสิ่งที่หวังไว้คือ พรรคพปชร.สามารถรวบรวมคะแนนเสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาล ได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และถึงวันนี้ ตนก็ภูมิใจที่ได้ทำงานกับทุกคน

“หากใครมีปัญหาอะไรที่ทำไม่ได้ภายในพรรค ก็มาใช้หรือวานผม หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ผู้อำนวยการพรรคที่ชื่อ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ต่างก็ทราบดี แต่ตอนนี้กลับมีกระแสข่าวหนาหูว่ามีการปรับเปลี่ยนชื่อคนเป็นรัฐมนตรี เช่น ผม นายอัครา พรหมเผ่า นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่ตามข่าวว่าหลุดจากโผ หรือแม้แต่ชื่อนายสุริยะ ต้องถูกเปลี่ยนเก้าอี้จากรมว.พลังงานไปเป็นรมว.อุตสาหกรรม แต่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาผมย้ำไปแล้วว่านายกฯเคยบอกหัวหน้าพรรคไว้ว่าโผไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะนายกฯเป็นชายชาติทหาร เป็นนายกฯของประเทศไทย และจะเป็นผู้นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง พวกเราจึงมั่นใจและเชื่อถือคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าเป็นไปตามกระแสข่าวจริง คงเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อพี่น้องที่ต้องหลุดโผหรือถูกเปลี่ยนตำแหน่ง ส่วนตัวเอง ถ้าจะถูกปรับออกก็ยินดี แต่ขอนายกฯว่าอย่าเปลี่ยนตำแหน่งอื่นเลย โดยเฉพาะนายสุริยะ เพราะผมทำงานร่วมกันมานาน นายสุริยะเป็นคนที่มีคุณค่า มีความสามารถ”

ขอฝากนายกฯว่า ถ้านายกฯได้ใช้นายสุริยะ คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมงานและประชาชนมาก เพราะนายสุริยะเป็นคนเก่งจริงๆ ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้มากมาย ถ้านายกฯจำเป็น ผมขอออกคนเดียว

นายอนุชา กล่าวว่า การนำพรรคชาติพัฒนา(ชพน.)ที่มีเพียง 3 คนมาร่วมรับตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งแต่เดิมเป็นคู่แข่งทางการเมืองตอนเลือกตั้ง คิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องอย่างยิ่งที่จะเอามาแทนตำแหน่งของตนหรือของคนอื่นตามที่เป็นข่าว

“อนุชา”ทวงสัจจะ”บิ๊กตู่” ยกรมว.พลังงานให้”สุริยะ”

“เสมือนหนึ่งว่าพวกผมไปรบจนชนะ พอกลับบ้านถูกแม่ทัพนำศัตรูที่ไปต่อสู้มาจนชนะ มาตัดหัวพวกผมทิ้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นเช่นนั้น อาจเพราะด้วยความจำเป็นของนายกฯ แต่ผมไม่เชื่อว่านายกฯเคยรับปากพรรคชพน.ไว้ แต่อาจเป็นบุคคลบางกลุ่มในพรรคพปชร.ที่ไม่อยากให้ผมเป็นรัฐมนตรี แล้วไปเสนอนายกฯ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมขอกราบเท้านายกฯว่าไม่ขอรับตำแหน่งก็ได้ แต่ผมขอให้ท่านสุริยะได้เป็นรมว.พลังงานตามที่นายกฯเคยลั่นวาจาไว้ แล้วผมจะไปกราบแทบเท้านายกฯเลยครับ”

นายอนุชา กล่าวด้วยว่า เนื่องจากมีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มในพรรคพปชร. เป็นผู้บริหารพรรคเช่นเดียวกับตน แต่คอยรังแกพวกตนอยู่ตลอดเวลา ที่เรียกพวกตนว่ากลุ่มสามมิตร ทั้งๆที่เป็นคนของพรรคพปชร. และเป็นลูกน้องของนายกฯเหมือนพวกเขา

“ผมยังคอยรับใช้พวกคุณ ทำงานให้ในทุกเรื่องที่พวกคุณต้องการ จนประสบความสำเร็จให้พวกคุณเสวยสุข แต่พวกคุณก็ยังรังแกพวกผม ไปให้ร้ายโจมตีพวกผมต่อผู้ใหญ่ ใช้สื่อโจมตีพวกผม เสนอแต่เรื่องไม่ดีไม่จริงของพวกผม ให้นายกฯและผู้ใหญ่ที่น่านับถือฟังเสียจนพวกผมเป็นคนที่น่ารังเกียจ ผมคิดว่าถ้าพวกคุณรักนายกฯหรือผู้ใหญ่ที่น่านับถือจริง ขอได้โปรดหยุดการกระทำเหล่านั้นนับตั้งแต่บัดนี้ พวกคุณอาจลืมว่าเคยใช้อะไรผมไว้บ้าง ทิ้งอะไรไว้ที่ผมบ้าง และถ้าผมโดนรังแกจนทนไม่ได้ พวกผมก็จะให้พวกคุณมีข่าวดังระดับชาติเป็นแน่แท้ ผมเอาแน่ถ้ายังรังแกพวกผมอีก พวกผมจะไม่ทน และตอนนี้จะทนไม่ไหวแล้ว พวกผมทำงานให้ประเทศชาติ ไม่เคยให้ร้ายคนอื่น มีแต่จะสนับสนุน และขอเตือนด้วยความหวังดีว่ายังมีโอกาสที่เราจะทำงานร่วมกัน ภายใต้เจ้านายคนเดียวกันคือพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อนำพาพรรคพปชร.เดินไปข้างหน้า นำนโยบายดีๆไปรับใช้ประชาชนให้สงบรุ่งเรือง นำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จตามที่หวัง”

นายอนุชา ย้ำว่า ตนกราบขอโทษนายกฯเป็นอย่างสูงด้วยความเคารพ ที่ลูกน้องของท่านทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ตนอยากให้นายกฯลงมาดูแลพวกเรา ให้ความเป็นธรรม และจะไม่เสียใจสักนิดถ้าพี่น้องของตนได้ตำแหน่งภายในพรรคตามที่นายกฯรับปากไว้ ส่วนของตนนั้นไม่เป็นไร เพราะเป็นผู้เสียสละมาตลอดตั้งแต่สมัครเป็นส.ส.

“นายกฯเป็นคนมีเมตตา ขอให้มีต่อนายสุริยะ ที่ผมเคารพนับถือ เพราะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะช่วยนายกฯนำพาประเทศชาติและประชาชนไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้”

นายอนุชา กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่ตนอยากพูด แต่เอาไว้วันหน้า โดยเฉพาะในเรื่องสื่อที่ให้ร้ายโจมตีพวกตนแม้กระทั่งเจ้าของสื่อที่เป็นบุคลากรอยู่ในพรรคพปชร. ซึ่งคงมีโอกาสได้แถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง เพราะคนอย่างตนไม่เคยให้ร้ายหรือให้ข่าวทำร้ายผู้ใด แต่กลับโดนทำร้ายและรังแกมาตลอด หลายเรื่องเป็นเท็จเหลือเกินที่จะรับ

“ถ้าพวกท่านยังไม่หยุด ผมจะเปิดโต๊ะแถลงข่าวทุกวัน เพื่อนำข้อมูลมาให้ประชาชนและสื่อทั้งประเทศได้ทราบ ว่าเรามีผู้บริหารเป็นเจ้าของสื่อ แต่กลับมาทำร้ายคนในพรรคเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่งในสังคมไทย”

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ว่ากลุ่มสามมิตรจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล นายอนุชา กล่าวว่า มีบางสื่อเอาไปลงบิดเบือน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง หลายคนก็เห็นว่าตนถูกกระทำ โดยทุกครั้งที่มีบางกลุ่มให้ข่าวกับสื่อ เพื่อทำให้เป็นประเด็นข่าว ดังนั้น หากใครมีอะไรก็ขอให้ถามกับตนโดยตรง

ยืนยันว่านายสุริยะยังเป็นพี่ของพวกเรา ที่ต้องนำพาพรรคพปชร.ไปสู่ความสำเร็จยังเชื่อมั่นว่านายสุริยะไม่ถอดใจที่จะทิ้งพวกเราไป แต่ต้องหันกลับมามองว่า ต้องมาบริหารจัดการบุคลากรที่ทำงานภายในพรรคกันใหม่ จากเมื่อก่อนมองว่าพวกเราคนทำงานถูกกลุ่มบุคคลกดหัวได้ แล้วจะยังให้เขากดต่อไปหรือ ดังนั้น ต้องมาบริหารจัดการกันใหม่ภายในพรรค มากกว่าที่จะมาบอกว่าเราจะไปตรงนั้นตรงนี้ เพราะอย่างที่ตนบอก มีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีกับสามมิตร ซึ่งพูดได้ชัดเจนว่ากลุ่มบุคคลนี้ซึ่งเป็นผู้บริหารพรรค ยังมีโอกาสกลับตัว แต่ถ้ายังไม่กลับ ตนจะทำให้ดู

“เกินไปแล้ว ทำกันเกินไปแล้ว ผมเป็นลูกผู้ชาย รับรองว่าไม่ทำร้ายใครข้างหลัง ผมไม่ใส่กระโปรงไปแอบให้ร้ายใครแน่นอน ถ้าอย่างนั้นต้องไปใส่กระโปรง และเชื่อว่าผู้ใหญ่ในพรรคก็ทราบปัญหานี้ แต่อาจไม่กล้าพูด แต่คราวนี้พวกผมทนไม่ไหวแล้ว และหลังจากที่นายกฯเดินทางกลับจากต่างประเทศ หากเปิดโอกาสให้พวกเราเข้าไปชี้แจง เราก็จะชี้แจงให้รับทราบถึงความเป็นไปในพรรค และเพื่อขอโอกาสและความเป็นธรรมจากนายกฯด้วย เชื่อมั่นว่านายกฯจะให้ความเป็นธรรมในการจัดโผครม.เพื่อบริหารประเทศต่อไป” นายอนุชาระบุ

เมื่อถามว่าคนที่เป็นผู้นำระดับนายกฯ จะต้องรักษาสัจจะใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า คิดว่าผู้นำทั้งโลกต้องรักษาคำพูด ไม่จำเป็นเฉพาะประเทศไทย เพราะประชาชนจะต้องรับฟังข้อมูลข่าวสาร หรือแม้แต่นักธุรกิจนักลงทุน ต่างก็ฝากความหวังไว้ และรอฟังคำพูดของนายกฯ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ ในเรื่องการบริหาร ตนจึงไม่เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนโผหลังจากที่ได้พูดคุยรับปากกันมา และยังเชื่อว่านายกฯรักษาสัจจะ

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรต่อกระแสข่าวที่ออกมาว่ากลุ่มสามมิตรเป็นตัวปัญหาต่อพรรคพปชร. นายอนุชา กล่าวว่า พวกเขาคิดว่าเขาเป็นคนของเจ้านายคนเดียว คิดว่าเป็นลูกน้องที่มีความสำคัญแต่ผู้เดียว กดหัวเพื่อนร่วมงานจนพวกเราไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น ดังนั้น ถ้าเมื่อก่อนมีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน มันคงจบไปนานแล้ว พรรคพปชร.เดินไปได้ด้วยดี และเรื่องเสียงปริ่มน้ำไม่ใช่ปัญหา เพราะเชื่อมั่นว่าพวกตนบริหารเรื่องนี้ได้ แต่การบริหารภายในพรรคนั้นหนักหนากว่า

“คนเหล่านี้จิตใจไม่ปกติ ผมเตือนไว้แล้ว และผมเป็นคนที่ถ้ายอมได้ ผมก็ยอม ซึ่งเขาก็รู้ดี จึงต้องถามว่า ผมจะโง่หรือที่เขาไปปล่อยข่าวแล้วผมจะไม่รู้ ทั้งที่รู้แต่ไม่อยากพูด เพราะยังอยากเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่คราวนี้สุดกระดานแล้ว ผมถอยจนไม่มีที่จะให้ถอยแล้ว และที่มันบานปลายมาถึงทุกวันนี้ เพราะพวกคุณไม่ให้เกียรติ คนเราไม่รู้จักที่จะเป็นใหญ่ ทั้งๆที่ใครก็รู้อยู่แล้วว่าเขายกให้คุณเป็นใหญ่ แต่คุณเป็นใหญ่ไม่เป็น คุณใหญ่ไม่เป็น” นายอนุชา ระบุ