พลังงาน-แบงก์ หุ้นเนื้อหอม ดูดเงินต่างชาติ

26 มิ.ย. 2562 | 00:00 น.

นักลงทุนต่างชาติขนเงินลงทุนกลับเข้าตลาดหุ้นไทยเดือนมิถุนายน 3.6 หมื่นล้านบาทโบรกมองกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ดึงดูดความน่าสนใจ หลังปัจจัยบวกเพียบ จับตาธนาคารกลางทั่วโลกลดดอกเบี้ยจริง คาดดึงเงินกลับต่อเนื่อง

จากการที่ทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิปี 2561 มากถึง 2.8 แสนล้านบาท จึงเป็นความหวังของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2562 นั่นคืออยากเห็นการกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดทุนไทยประสบปัญหาจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศและประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่ล่าสุดสถานการณ์ต่างๆ ทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย ธนาคารกลางหลายประเทศมีแนวโน้มจะปรับดอกเบี้ยลง และการเมืองไทยมีความชัดเจน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติอยู่ในสถานะซื้อสุทธิในหุ้นไทย ตั้งแต่วันที่ 3-24 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ 35,874.98 ล้านบาท  ซึ่งหุ้นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากต่างชาติ คือ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติในช่วงนี้ คือ หุ้นนํ้ามันขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง โดยมีบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  (บมจ.)(PTT), บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เนื่องจากราคาหุ้นถือว่ายังตํ่ากว่าตลาดอยู่มาก โดยเฉพาะ PTTGC ซึ่งยังได้รับผลเชิงบวกจากโรงงานปิโตรเคมีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ระเบิด รวมถึงเงินปันผลสูงเกือบ 5% ถือเป็นโอกาสดีในการเก็งกำไรในช่วงนี้

นอกจากนี้ ราคานํ้ามันดิบโลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อ จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน หลังจากสหรัฐฯออกมาตรการควํ่าบาตรอิหร่านเพิ่มเติม โดยควํ่าบาตรผู้นำสูงสุดของอิหร่าน รวมถึงรัฐมนตรีสำคัญ 8 กระทรวง ประเด็นดังกล่าวหนุนราคานํ้ามันปรับเพิ่มขึ้นแรงประมาณ 10% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคานํ้ามันดูไบล่าสุดราคาปิดอยู่ที่ 61.8 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ทำให้เป็นบวกต่อหุ้นนํ้ามัน และหุ้นโรงกลั่น ที่ได้รับผลเชิงบวกจากค่าการกลั่นแนวโน้มเพิ่มขึ้น

พลังงาน-แบงก์  หุ้นเนื้อหอม  ดูดเงินต่างชาติ

“การที่ดอกเบี้ยเป็นแนวโน้มขาลง รวมถึงราคานํ้ามันที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดย 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคานํ้ามันปรับตัวขึ้นถึง 9.4% หนุนให้เงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างโดดเด่นในช่วงนี้ 

นอกจากนี้ การศึกษาข้อมูลการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯย้อนหลัง 5 ปี พบว่า เดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่นักลงทุนสถาบันมักจะซื้อหุ้น ไทยมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของ ปี เฉลี่ยสูงถึง 10,900 ล้านบาท และเป็นการซื้อสุทธิตลอดทั้ง 5 ปี”

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ฯ กล่าวว่า การกลับเข้ามาซื้อสุทธิในหุ้นไทยอีกครั้งของนักลงทุนต่างชาติจะมีความต่อเนื่องหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ของประเทศหลัก ซึ่งที่ผ่านมาเป็นแค่ความคาดหวัง ยังทำให้มีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาได้ แต่หากปรับลดจริง จะทำให้กลับเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่านี้แน่นอน นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยในประเทศ คือ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะสามารถเดินหน้าโครงการต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องและเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้หรือไม่  

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ไทยพาณิชย์ฯ ระบุว่า คาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะเป็นเป้าหมายถัดไปที่เงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติจะไหลเข้า โดยคาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปี 2562 จะอยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตคงที่ ส่วน NIM อยู่ในระดับทรงตัว และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หุ้นแนะนำได้แก่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL), บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) และบมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)

ขณะที่บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)ฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงนํ้าหนักการลงทุนกลุ่มธนาคาร เท่ากับตลาด ด้วยปัจจัยบวกที่ยังไม่ชัดเจน รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจยังเผชิญความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม มองว่าความน่าสนใจของกลุ่มธนาคารคือ ในช่วงครึ่งปีหลังค่าธรรมเนียมจะฟื้นตัวเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกด้วยปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ได้อานิสงส์จากการรุกสินเชื่อผลตอบแทนสูง ทั้งนี้ แนะนำหุ้นในกลุ่มธนาคาร คือ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) 

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3482 วันที่ 27-29 มิถุนายน 2562

พลังงาน-แบงก์  หุ้นเนื้อหอม  ดูดเงินต่างชาติ