บิ๊กเนมอสังหาฯ เขย่า‘โรงแรม-ค้าปลีก’แสนล้าน

27 มิ.ย. 2562 | 23:35 น.

ระยะหลังๆ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในบ้านเราเติบโตแรง นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาพักผ่อนมากขึ้นจาก สถานการณ์ทางการเมืองสงบนิ่งโดยเฉพาะ จีน ฮ่องกง อินเดีย และกลุ่มประเทศในแถบยุโรป ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ขยายธุรกิจรุกตลาดโรงแรม ค้าปลีกสร้างรายได้มั่นคงยั่งยืนท่ามกลางตลาดอสังหาฯที่กำลังเปราะบาง จากสภาพเศรษฐกิจและมาตรการรัฐ

ล่าสุดบริษัทออลอินสไปร์ จำกัด(มหาชน) ประกาศปักหมุดช็อปปิ้งมอลล์ย่านระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซีใจกลางชลบุรีมูลค่า 600 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยคนในพื้นที่ ตั้งเป้าโกยรายได้เข้ากระเป๋าจากธุรกิจนี้ปีละ 200 ล้านบาท (สัญญาเช่า 29 ปี) หากเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564 ส่วนค่ายออริจิ้นเข้าพื้นที่พัฒนามิกซ์ยูส โรงแรม ค้าปลีก ทำเลศรีราชา ไปก่อนหน้านี้ในช่วงแรกๆที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าอีอีซี

บิ๊กเนมอสังหาฯ เขย่า‘โรงแรม-ค้าปลีก’แสนล้าน

ขณะกลุ่มพร็อพเพอร์ตี ขยายอาณาจักรธุรกิจอสังหาฯแบบครบวงจรทั้งประเภทขายและ เช่า พร้อมตอกยํ้าว่าแนวโน้มปี 2562 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังคงเติบโต มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งความหลากหลายของทรัพยากรท่องเที่ยว และด้านที่ตั้งซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ระบุว่า หลังซื้อหุ้นบมจ.แกรนด์แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ เปิดพอร์ตโรงแรมกลุ่มเพอร์เฟค 7 แห่ง ทำรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยมองว่า โรงแรมสดใส ท่องเที่ยวเติบโต ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจโรงแรมโตตามไปด้วย คาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,200 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของรายได้รวม จากพอร์ตโรงแรมทั้ง 7 แห่ง รวม 2,077 ห้องพัก เผยแผนใน 2 ปีหน้า ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มเป็น 5,300 ล้านบาท ในปี 2564 

ด้าน บมจ.สิงห์ เอสเตทหรือ “S” นักอนุรักษ์ผืนทะเลไทย มีโรงแรมหรูในมือย่านหัวเมืองใหญ่ มากถึง 37 แห่ง นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์เอสเตท สะท้อนว่าประมาณเดือนสิงหาคมนี้จะเปิดโรงแรมใหม่ 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นแฟล็กชิพของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ใช้แบรนด์โรงแรมฮาร์ดร็อค และโรงแรมฮิลตัน รวม 200 ห้อง พร้อมมารีน่า

ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมมีทั้งหมด 37 โรง แบ่งเป็นโรงแรมในอังกฤษ 29 แห่ง กลุ่มเอาท์ริกเกอร์มีโรงแรม 6 แห่ง และยังมีโรงแรมที่เกาะสมุยและเกาะพีพี เมื่อรวมกับที่จะเปิดที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์อีก 2 แห่ง รวมเป็น 39 แห่ง โดย 37 แห่งแรกจะเป็นการซื้อกิจการมาทั้งสิ้น เว้น 2 โรงแรมใหม่ที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์เป็น 2 แห่งแรกที่บริษัทสร้างเอง

บิ๊กเนมอสังหาฯ เขย่า‘โรงแรม-ค้าปลีก’แสนล้าน

“วันนี้ธุรกิจโรงแรมมีจำนวนห้องประมาณ 4,000-4,500 ห้อง และเริ่มรับรู้รายได้ โดยมีสัดส่วน 30% ของรายได้รวมทั้งบริษัท ดังนั้น สิงห์ เอสเตท มีแผนนำธุรกิจโรงแรมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ โดยใช้ชื่อ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR”

ขณะยักษ์ใหญ่ ทีซีซีกรุ๊ป อย่างเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ประกาศซื้อกิจการโรงแรมอีก 12 แห่ง ซึ่งไม่ต่างจากค่ายซีพี ที่มีโรงแรมในมือไม่น้อยเช่นกัน

การรุกของธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์ทั้งขายและเช่าครบวงจร นอกจากช่วยกระจายความเสี่ยงของดีเวลอปเปอร์แล้ว ยังเป็นการขยายอาณาจักร ชิงความเป็นเบอร์ต้นๆในสมรภูมินี้อีกด้วย 

หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3482 ระหว่างวันที่ 27 - 29 มิถุนายน 2562

บิ๊กเนมอสังหาฯ เขย่า‘โรงแรม-ค้าปลีก’แสนล้าน