สศก.โต้สังคมกังขา รายได้ครัวเรือนเกษตรกรไทยปี 2560/2561 พุ่ง 3.7 แสนบาท ยันของจริง แจงยิบลงพื้นที่สุ่มสำรวจ 1.7 พันหมู่บ้านรวม 7 พันครัวเรือนตัวอย่างทั่วประเทศมาคิดคำนวณตามหลักวิชาการ ระบุเกษตรกรเลี้ยงสัตว์นํ้า มีรายได้เงินสดสูงสุด
จากการที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้รายงานผลสรุปรายได้ครัวเรือนเกษตรกรปีเพาะปลูก 2560/2561 ผ่านนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุรายได้ครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มขึ้นเป็น 370,040 บาท จากปีการเพาะปลูก 2559/2560 อยู่ที่ 309,278 บาท หรือเพิ่มขึ้น 60,762 บาท สังคมตั้งคำถามว่า สศก.มีหลักการคิดคำนวณจากอะไร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบของจริงหรือไม่นั้น
แหล่งข่าวจาก สศก. เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” โดยยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นของจริง โดยในทุกปี สศก.จะมีการสำรวจข้อมูลภาวะเศรษฐกิจ สังคมครัวเรือนเกษตร กำหนดใช้แผนแบบการเลือกตัวอย่างแบบแบ่งเป็นพวก 2 ขั้นตอน จากกรอบตัวอย่างของหมู่บ้านทั้งหมดทั่วประเทศ 79,287 หมู่บ้าน ซึ่งแบ่งหมู่บ้านออกเป็นพวกตามกิจกรรมการเกษตร ในอาณาเขตหมู่บ้านนั้นๆ โดยใช้หมู่บ้านเป็นหน่วยสุ่มแรก เลือกหมู่บ้านตัวอย่างแต่ละพวกด้วยวิธีการสุ่มแบบเป็นระบบทุกจังหวัดทั่วประเทศ และครัวเรือนเกษตรเป็นหน่วยสุ่มขั้นที่ 2 โดยสุ่มเลือกครัวเรือนเกษตรตัวอย่าง จากครัวเรือนเกษตรที่นับจดได้ในหมู่บ้านตัวอย่าง ซึ่งกำหนดให้เก็บข้อมูลจากครัวเรือนเกษตรตัวอย่าง 4 ครัวเรือนต่อ 1 หมู่บ้าน ซึ่งในปีเพาะปลูก 2560/2561 สำรวจข้อมูลทั้งหมด 1,750 หมู่บ้าน รวม 7,000 ครัวเรือนตัวอย่าง
สำหรับตัวอย่างครัวเรือนที่สำรวจจะกระจายครอบคลุมกิจกรรมการเกษตร ทั้งการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และอื่นๆ โดยจัดแบ่งออกเป็น 7 พวก ประกอบด้วย 1. หมู่บ้านเลี้ยงปศุสัตว์ เป็นหมู่บ้านที่มีจำนวนครัวเรือนผู้เลี้ยงปศุสัตว์เป็นการค้าตั้งแต่ 15 ครัวเรือนขึ้นไป จากครัวเรือนเกษตรทั้งหมดในหมู่บ้าน 2.หมู่บ้านเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้า เป็นหมู่บ้านที่มีจำนวนครัวเรือนที่เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าเพื่อการค้าตั้งแต่ 15 ครัวเรือนขึ้นไป 3. หมู่บ้านปลูกพืชผักไม้ดอกไม้ประดับและสมุนไพร เป็นหมู่บ้านที่มีเนื้อที่ในการเพาะปลูกพืชผักไม้ดอกไม้ประดับและสมุนไพร มากกว่า 15% ของเนื้อที่ทำการเกษตรทั้งหมดของหมู่บ้าน 4. หมู่บ้านทำนา เป็นหมู่บ้านที่มีเนื้อที่ปลูกข้าวมากกว่า 60% ของเนื้อที่ทำการเกษตรทั้งหมดของหมู่บ้าน 5. หมู่บ้านทำไร่ เป็นหมู่บ้านที่มีเนื้อที่ปลูกพืชไร่ มากกว่า 60% ของเนื้อที่ทำการเกษตรทั้งหมดของหมู่บ้าน 6. หมู่บ้านปลูกไม้ผลไม้ยืนต้น เป็นหมู่บ้านที่มีเนื้อที่ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้นมากกว่า 60% ของเนื้อที่ทำการเกษตรทั้งหมดของหมู่บ้านและ 7. หมู่บ้านอื่นๆ ที่ทำการเกษตร นอกเหนือจากเกณฑ์ที่กล่าวมา
“เป็นการประมาณค่าข้อมูลที่ได้จากการสำรวจจริง โดยนำมาคำนวณด้วยวิธีทางสถิติ เพื่อประมาณค่าข้อมูลที่สำรวจแบบเฉลี่ยถ่วงนํ้าหนักด้วยจำนวนครัวเรือนเกษตรทั้งหมด จึงทำให้ค่าเฉลี่ยที่ได้สะท้อนตามการประกอบกิจกรรม และจำนวนครัวเรือนเกษตรทั้งเรื่องรายได้และรายจ่ายตามกิจกรรมหลักของเกษตรกร”
จากผลการสำรวจเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าภาพรวมของเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีรายได้เงินสดทางการเกษตร 197,373 บาทต่อครัวเรือน เป็นรายได้หลักจาก ข้าว การเลี้ยงสัตว์ ไม้ผลไม้ยืนต้น และพืชไร่ ตามลำดับ (กราฟิกประกอบ) ในขณะที่มีรายจ่ายเงินสดทางการเกษตร 122,890 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งเป็นรายจ่ายเพื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์ การจ้างแรงงาน และอื่นๆ โดยมีผลตอบแทนสุทธิทางการเกษตร 74,483 บาทต่อครัวเรือน โดยเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์นํ้า มีรายได้เงินสดทางการเกษตร และผลตอบแทนสุทธิทางการเกษตรสูงสุด จากเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง ขณะที่ชาวนามีรายได้เงินสดทางการเกษตร และผลตอบแทนสุทธิทางการเกษตรสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากราคาข้าวสูงกว่าปีการเพาะปลูก 2559/2560
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
●“กฤษฎา” ปลื้มสุด! รายได้เกษตรกรสูงสุดประวัติการณ์
●ตลกร้าย! เกษตรกรไทยอู้ฟู่ ติดกระเป๋าจ่ายหนี้ พันห้า
●อึ้ง! เปิด 7 ต้นทุนสินค้าเกษตร ‘กฤษฎา' โวฟันกำไรชัวร์!
●ส่อบานปลาย! ซัดเดือดปมต้นทุนสินค้าเกษตร
●ทนกระแสไม่ไหว “กฤษฎา”ออกมาขอโทษเกษตรกรแล้ว
●นายกโรงสีชี้ ‘พิรุธ’ปมต้นทุนข้าวส่งสัญญาณรับมือบาทแข็ง
●สศก.เคลียร์ปมต้นทุนสินค้าเกษตร
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3482 วันที่ 27-29 มิถุนายน 2562