“วิษณุ”ชี้เป็นหน้าที่ศาลรธน. วินิจฉัย 21ส.ว.ถือหุ้นสื่อ หยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่
“วิษณุ” ระบุเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิฉัยกรณี 21 ส.ว.ถือหุ้นสื่อว่าควรหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องไปดูในรายละเอียดเชิงลึก ชี้ไม่กระทบองค์ประชุมสภา เพราะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง
24 มิ.ย.62 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นหนังสือให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณี 21 สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อาจเข้าข่ายเป็นผู้ถือหุ้นสื่อ และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า ประเด็นนี้ต้องอยู่ในดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ส่วนจะให้หยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร ศาลจะพิจารณาความเสียหายว่าอยู่ระดับใด ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นมีมูลหรือไม่
นายวิษณุ ยกตัวอย่างกรณีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากตำแหน่งนี้มีเพียงตำแหน่งเดียว จึงไม่ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้น ไม่ทราบ ตอบไม่ถูก แล้วแต่ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่ง
เมื่อถามย้ำว่าในแง่การทำงานของรัฐสภา ถ้าหายไป 100 คน ทำงานต่อได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถทำได้ตามจำนวนที่มีอยู่ แต่จะมีปัญหาเรื่ององค์ประชุม ซึ่งคาดว่าคงไม่กระทบเพราะองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนจะ เป็นการกดดันการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่สามารถตอบแทนศาลรัฐธรรมนูญได้ ตนจะตอบได้อย่างไรว่า กดดันหรือไม่กดดัน ทั้งนี้ การสรรหาส.ว.ได้พิจารณาถึงคุณลักษณะและลักษณะต้องห้าม โดยเฉพาะประเด็นการถือหุ้นสื่อหรือไม่นั้น ตนรับทราบว่าเป็นปัญหา แต่กรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษาตัดสิทธิ์นาย ภูเบศ หินหลอด ขาดคุณสมัติการรับสมัครส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จังหวัดสกลนคร เป็นเรื่องที่ศาลมีบทวินิจฉัยเฉพาะตัว ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้
"ถ้าตัดก็ตัดเกือบหมด รู้อยู่แล้วว่าถือหุ้น แต่ก็ต้องไปดูในรายละเอียดเชิงลึก แต่ตอนนี้ยังไม่มีคำวินิจฉัยว่าผิดหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการไม่สามารถไปตรวจสอบ ส.ส. และส.ว. คุณสมบัติห้ามถือหุ้นสื่อ ถ้าพบว่าถือต่ำกว่าที่บังคับ ผมไม่กล้าวินิจฉัย เพราะมันไม่ได้กระทบอะไร” นายวิษณุ กล่าว
