ฤานายกฯตู่จะสิ้นมนต์ขลัง? ‘ก๊วน-แก๊ง’ แย่ง ‘เก้าอี้ รมต.’

18 มิ.ย. 2562 | 13:45 น.

คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3482 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 20-22 มิ.ย. โดย...บากบั่น บุญเลิศ

 

ฤานายกฯตู่จะสิ้นมนต์ขลัง?

‘ก๊วน-แก๊ง’ แย่ง ‘เก้าอี้ รมต.’

 

ฤานายกฯตู่จะสิ้นมนต์ขลัง? ‘ก๊วน-แก๊ง’ แย่ง ‘เก้าอี้ รมต.’

 

                สนิมเกิดแต่เนื้อในตนฉันใด “ความเสื่อมการหมดศรัทธาต่อนักการเมืองและรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่เกิดจากการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีตบตีกันของบรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ คือความเสื่อมทรามฉันนั้น

                ตลอดระยะเวลากว่า 30 วัน ประชาชนคนไทยต่างเอือมระอากับข่าวคราวการเดินเกมต่อรอง ช่วงชิงเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารจัดการประเทศ

                นักการเมือง ทหารคนใด ไม่เชื่อผม ไปสอบถามชาวบ้านได้ว่า เอือมแค่ไหน ผมเชื่อว่าหลายคนส่ายหน้าหนี

                แน่นอนว่า การต่อรองกับตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ที่พรรคเล็ก พรรคขนาดกลาง จะแสดงฤทธิ์เพื่อให้ได้ซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงที่ตอบสนองกับนโยบายของพรรค ที่ได้ให้สัญญาประชาคมไว้ในการหาเสียงเลือกตั้ง วิญญูชนทั่วไปเข้าใจได้

                เพียงแต่ “ผู้นำประเทศ” จักต้องกำหนดเงื่อนไขไปกับแกนนำแต่ละพรรคว่า ต้องคัดสรรคนที่ดี มีฝีมือมาเป็นรัฐมนตรี และสามารถวีโต้ได้หากเห็นว่าคุณสมบัติมีปัญหาตามรัฐธรรมนูญ หรือเป็นผู้ที่มีเสียงยี้ไม่เป็นที่ยอมรับจากสาธารณะ

                ทว่าการที่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา ด้วยการดึงสรรพกำลังจากบรรดาผู้แทนต่างค่าย ต่างจิต ต่างใจ มารวมกันลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบหนึ่ง พากันตบตีแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี ตามโควตาก๊วน-กลุ่ม-แก๊ง ที่รวมตัวกันนี่แหละทำให้ผู้คนอิดหนาระอาใจ

                ผลกระทบจากการเปิดศึกแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีของ “กลุ่มสามมิตร-กลุ่ม กปปส.-กลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน-กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ 13 คน” ย่อมทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีสิ้นมนต์ขลัง หมองหม่น ลงไปทันที

                แม้ว่าการตบตีช่วงชิงเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นเรื่องปกติทางการเมืองเพื่อแย่งกันเข้าสู่อำนาจ แต่หากย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์การตบตีกันภายในพรรคแกนนำเพื่อช่วงชิงเก้าอี้รัฐมนตรี ที่ยื้อยุดฉุดกระชากคุกรุ่น ยาวนานแบบนี้ เคยเกิดขึ้นเมื่อสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร โน่น กับการตั้งพรรคสามัคคีธรรม ขึ้นมาสนับสนุน พล.อ.สุจินดา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2535 ต่อมาก็เป็นยุคพรรคความหวังใหม่ ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่มีนายเสนาะ เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรค หลังจากนั้นก็เข้าสู่โหมดของการจัดสรรของพรรคร่วม แต่สนิมที่เกิดแต่เนื้อในพรรคแกนนำไม่ค่อยจักมี

                เพิ่งมาปรากฏอีกคราก็ยามที่พรรคพลังประชารัฐแตกออกเป็น 4 ก๊ก 4 เหล่า ไล่จาก ก๊ก “สมคิด+สี่กุมาร” ก๊กสามมิตรแอนด์เดอะแก๊ง ก๊กผู้มีบารมีสีเขียว+ก๊กนายกฯ+กปปส.นี่แหละ

 

ฤานายกฯตู่จะสิ้นมนต์ขลัง? ‘ก๊วน-แก๊ง’ แย่ง ‘เก้าอี้ รมต.’

                ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ได้ประกาศยืนยันกับนักข่าวเมื่อถามถึงการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีว่า “ขอให้เชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้า ครม.”

                ก่อนจะชี้แจงถึงปัญหา ส.ส.กลุ่มอีสานและ ส.ส.ใต้ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรียุติแล้วหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาและได้คุยกันแล้ว เพราะเรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อนเสมอ!

                คำยืนยันดังกล่าวสะท้อนภาพความเป็นผู้นำประเทศได้เป็นอย่างดีว่า นายกฯลุงตู่ ไม่ได้ยืนดูส.ส.ตบตี และแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว แต่ได้ลงมือทำให้เห็น

 

ฤานายกฯตู่จะสิ้นมนต์ขลัง? ‘ก๊วน-แก๊ง’ แย่ง ‘เก้าอี้ รมต.’

                อย่างไรก็ตาม การจะเจรจาต้าอ่วยกับบรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ที่ได้รับเสียงจากประชาชนไปและต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการอำนาจทางการเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องใช้ศิลปะ ความเด็ดขาด การตอบแทนในรูปต่างๆ แล้ว ผู้นำจำเป็นอย่างยิ่งต้องกล้าตัดสินใจ จะออกหัวออกก้อย จะพูดด้วยนํ้าคำ หรือพูดด้วยนํ้าเงินแบบ Money Talk อย่างไม่ต้องอายกันก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้น พรรคแตก รัฐบาลพังเอาได้ง่าย!

                ขณะเดียวกันการดำเนินการก็ต้องเข้าใจเขา เข้าใจเรา ส.ส.ใต้ 13 คน เขากำลังสะท้อนภาพการเมืองในอนาคต เพราะถ้าประชาธิปัตย์ มีส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีชั้นเสนาบดีและพระยาเหยียบเมืองถึง 3 คน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-นิพนธ์ บุญญามณี-ถาวร เสนเนียม”

                พรรคภูมิใจไทย มีเสนาบดีใจถึงพึ่งได้ที่ดูแล ส.ส.หน้าใหม่ 8 เก้าอี้ เป็นรัฐมนตรี 1 คน คือ พิพัฒน์ รัชกิจประการ ผู้ซึ่งสามารถดลบันดาลนํ้าเงิน นํ้าเลี้ยงลงไปหล่อเลี้ยงพื้นที่ได้อย่างไม่รู้จักเหือดหาย

                แต่พรรคพลังประชารัฐที่คว้าเก้าอี้ ส.ส.ในภาคใต้มาได้ถึง 13 คน ไร้ซึ่งเก้าอี้รัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแม้แต่คนเดียว รับประกันซ่อมฟรีว่า “ค่ายคู ประตูหอรบที่พรรคประชาธิปัตย์เคยครอบครอง และถูกตีแตกด้วยอุ้งมือของพรรคพลังประชารัฐ” ในรอบนี้ เมื่อถึงรอบหน้าอย่าว่าแต่จะสามารถรักษาเก้าอี้ ส.ส.ไว้เพียง 5 ที่นั่งเลย ที่นั่งเดียวยังยากที่จะรักษา นี่ไม่นับกระแสพรรคอนาคตใหม่ที่ยังกระจายตัวออกไปในหมู่คนรุ่นใหม่ที่เพิ่มจำนวนการลงคะแนนเสียง

                ข้อเสนอในเรื่อง รัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ภาคใต้จึงมีเหตุผลทางการเมือง แต่อาจจะไม่มีเหตุผลสำหรับประชาชนที่ต้องการให้พรรคเลือกคนที่เก่ง ที่ดีมาบริหารประเทศ

                เพราะชื่อของ พ.อ.สุชาติ จันทร์โชติกุล เพื่อเตรียมทหารรุ่น 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เสนอมานั้น ไม่ได้ต้องตา ตรึงใจคนไทยทั้งประเทศ อย่างดีก็เคยเป็น “วัวชน” ที่แพ้ศึก

                ล่าสุดผมได้ข่าวมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบเอกสารรายชื่อรัฐมนตรี ที่พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐส่งมาเพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาเรื่องคุณสมบัติถึง 9 ราย ที่มีการส่งเรื่องกลับไปให้พรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาว่า ให้ถอนตัว หรือไปหารือเพื่อส่งรายชื่อใหม่กลับมา

                ว่าที่รัฐมนตรีบางรายเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล ว่าที่รัฐมนตรีบางรายยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าที่รัฐมนตรีบางรายยังมีคดีความค้างที่โรงพัก ว่าที่รัฐมนตรีบางรายมีพฤติกรรมที่สังคมอิหนาระอาใจ

                ผมไม่ลงลึกไปว่าใครเป็นใคร เข้าใจว่าในเวลาไม่นานคงจะมีการคุ้ยแคะออกมาว่า ใครถูกตีกลับออกมาบ้าง แต่ชี้โพรงลงไปว่า ในพื้นที่ว่าที่รัฐมนตรีคนใต้ มี 1 คน อีสานอย่างน้อย 2 คน ภาคกลาง 1-2 คน พื้นที่อีสาน 3 คน พื้นที่เหนือก่อนถึงเชียงใหม่ 1 คน และหน้าใหม่ไฟแรงผู้เท้าบวมอีก 1 หน่อ คนเหล่านี้อาจไปไม่ถึงดวงดาวในตำแหน่งรัฐมนตรี

                แน่นอนว่า การตีกลับรายชื่อรัฐมนตรีของนายกฯลุงตู่ รอบนี้ อาจทำให้พรรคร่วมไม่พอใจ แต่ถ้าเก้าอี้รัฐมนตรีถูกจัดสรรลงไปตามโควตาพรรค โควตาก๊วน โควตาแก๊ง โดยนายกรัฐมนตรีไม่กล้าทำอะไรแล้วไซร้..ลุงตู่เก็บฉากได้ในเร็ววันแน่...เพราะวิกฤติศรัทธาประชาชนมาไวในยุคดิจิทัล...