เอกชนค้านทรัมป์ใช้ภาษีกดดันจีน หวั่นขึ้นอีก 3 แสนล้านฯ ผลักศก.สหรัฐฯถดถอย

11 มิ.ย. 2562 | 09:09 น.

นายไมรอน บริลเลียน หัวหน้าฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ หอการค้าอเมริกัน ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ออกมาให้ทัศนะสวนทางกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขาให้ความเห็นเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีทำถูกแล้วที่กดดันจีนเพื่อให้จีนปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่กีดกันการค้าและไม่เป็นธรรม แต่ก็ไม่ควรนำเอา “ภาษีศุลกากร” มาเป็นเครื่องมือในการกดดันจีน  นอกจากนี้ ยังไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะใช้ภาษีเป็นเครื่องมือขู่เม็กซิโกให้จัดการกับปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รัฐสภาสหรัฐฯกำลังเข้าสู่กระบวนการให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา หรือ USMCA

เอกชนค้านทรัมป์ใช้ภาษีกดดันจีน หวั่นขึ้นอีก 3 แสนล้านฯ ผลักศก.สหรัฐฯถดถอย

 

“การนำภาษีมาเป็นอาวุธ  เป็นการขู่คุกคามเศรษฐกิจ  เกษตรกร ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม และผู้บริโภคของเราเอง มันจึงสร้างความเสียหายให้กับประเทศของเราเอง” บริลเลียนท์ยังกล่าวด้วยว่า มาตรการแบบนี้ทำให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯเกิดความไม่มั่นใจ ยกตัวอย่างกรณีของที่สหรัฐฯกำลังทำกับเม็กซิโก อาจเป็นการส่งสัญญาณผิดๆให้จีนเข้าใจได้ว่า แม้สุดท้ายแล้วจีนจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯได้สำเร็จ แต่อนาคตก็ยังอาจถูกสหรัฐฯนำมาตรการภาษีมาใช้ข่มขู่คุกคามจีนได้อยู่ดี เหมือนกับที่เม็กซิโกกำลังถูกคุกคามอยู่แม้จะมีข้อตกลง USMCA กับสหรัฐฯแล้วก็ตาม “ทั้งโลกกำลังจับตามจ้องมองเรา(สหรัฐฯ)อยู่”

 

ด้านนายแกรี ชาพิโร ผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมเทคโนโลยีผู้บริโภคอเมริกัน (ซีทีเอ) แสดงความวิตกเช่นเดียวกันว่า ถ้าหากสหรัฐฯตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตราสูงขึ้นอีกเป็นวงเงิน 300,000 ล้านดอลลาร์ตามที่ขู่ไว้นั้น อาจผลักให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯเองต้องเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเขาเรียกภาวะดังกล่าวว่า การถดถอยเพราะทรัมป์ (Trump Recession) นอกจากนี้ เขายังเห็นว่า มาตรการกดดันจีนด้วยภาษี ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีในการที่จะแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้ากับจีน “ภาษีส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัทอเมริกันเอง”


ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

ผู้บริหารของซีทีเอ ย้ำว่า ที่ผ่านมามีการพูดถึงผลบวกของการนำมาตรการภาษีมาใช้กดดันจีน แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่พูดในเชิงนี้ ก็ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์นอกทำเนียบขาว และที่ทรัมป์บอกว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะเป็นผลดีกับสหรัฐฯ เอาเข้าจริงๆแล้ว มันอาจส่งผลร้ายทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยมากกว่า  ไม่เพียงเท่านั้น การกดดันบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ของจีนใม่ให้ซื้อเทคโนโลยีทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากบริษัทอเมริกัน ยังอาจทำให้ความขัดแย้งลุกลามจนไม่อาจควบคุม ทั้งยังสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้บริโภคและบริษัทผู้ผลิตชิปของสหรัฐฯเอง ขณะเดียวกันก็ผลักดันให้จีนต้องกลับไปเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตชิปภายในประเทศของตัวเอง ซึ่งในระยะยาวแล้วจะทำให้จีนกลายมาเป็นคู่แข่งของสหรัฐฯในแวดวงชิป ทำให้กำไรของบริษัทชิปสหรัฐฯลดลง และเขย่าบังลังก์ผู้นำในตลาดชิปโลกของสหรัฐฯด้วย

 

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯได้ออกมาโต้แย้งว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในเวลานี้ถือว่าเฉิดฉายที่สุดในโลกแล้ว เขาไม่เห็นสัญญาณใดๆที่จะบ่งชี้ถึงการถดถอยทางเศรษฐกิจ     

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

ด้านผู้นำสหรัฐฯหลังจากถูกหอการค้าออกมาติงเตือน ก็ยังคงยืนกรานใช้มาตรการภาษีเป็นอาวุธในการกดดันจีน โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ และทำให้สนามการแข่งขันนั้นมีความเสมอภาค เท่าเทียมกัน  เขาเชื่อว่าจีนจะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯเพราะแรงกดดันด้านภาษีบังคับให้ต้องทำ  ส่วนหอการค้าฯ นั้น ก็เห็นอยู่ว่าปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทเอกชนอเมริกันเท่านั้น ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชนอเมริกันทั้งประเทศ  “ขอยืนยันว่า สหรัฐฯจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีกอย่างแน่นอน ถ้าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไม่มาปรากฏตัวในการประชุมซัมมิตกลุ่ม G-20 ที่ประเทศญี่ปุ่นปลายเดือนมิถุนายนนี้” ผู้นำสหรัฐฯประกาศต่อสื่อมวลชนเมื่อต้นสัปดาห์นี้