ระเบิดเวลาสินค้าเกษตรรอรัฐบาลใหม่ปลดชนวน!!
เกษตรกรรอลุ้นรัฐมนตรี “เกษตร-พาณิชย์” ใครเข้าวิน วิ่งทวงสัญญา เริ่มจากชาวสวนปาล์ม หลังผิดหวัง “อธิบดีกรมการค้าภายใน”แก้กลเกมไม่ทันนายทุน ด้าน“มะพร้าว” ผวารัฐพลิกลิ้นนำเข้า จ่อบุกประชิดตีกรุง “นมโรงเรียน”ยังป่วน ระบบใหม่เอื้อรัฐวิสาหกิจผู้เลี้ยงโคนมเดี้ยงเข้าไม่ถึงโครงการ ขณะ “ประมง”เตรียมเกณฑ์คนขึ้นบกบีบแก้กฎหมาย- แรงงานขาด “ยางพารา” จับตา หลัง ม.44 ฟ้องศาลปกครองกลางปมตั้งบริษัทร่วมทุนยาง จี้ชดใช้เลียนโมเดลจำนำข้าว
++เซ็ง“วิชัย”ตีมึนปัดปมราคาปาล์มไม่ตรงประเด็น
นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าจากการเข้าพบนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านให้ตรวจสอบโครงสร้างราคาผลปาล์มไม่สอดคล้อง ทำไมน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ราคาอยู่ที่ 17 บาทต่อกก. ขยับสูงขึ้น ไปพร้อมกับไบโอดีเซลหรือ บี 100 ราคาอยู่ที่ 21.43 บาทต่อกก. แต่ทำไมราคาผลปาล์มยังอยู่ที่ 2.40-2.60 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งที่ความจริงราคาผลปาล์มทะลายไม่ควรต่ำกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัม
ดังนั้นจึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยตรวจสอบความเป็นธรรมด้านราคาผลปาล์มทลายอย่าปล่อยให้มีการฉวยโอกาสของกลุ่มนายทุนกดราคาผลปาล์มและฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาน้ำมันบี 100 อย่างไม่เป็นธรรมฝ่ายอธิบดีกับตอบว่าสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Automobile Manufacturers Association, Inc.: ) JAMA หรือจามา ยังไม่รับรองบี 100 ให้ใส่แทนดีเซล ซึ่งคนละประเด็น จึงรู้สึกผิดหวังมาก มึนกับคำตอบอธิบดี คนละประเด็นหรือไม่ หากรัฐมนตรีคนใหม่ใครนั่งก็ตามชาวสวนมาแน่นอน แล้วมาทวงสัญญาโดยเฉพาะพรรคประชารัฐ ที่รับปากจะให้ราคาผลปาล์ม ที่กิโลกรัมละ 5 บาท
++หวั่นรัฐพลิกมตินำเข้ามะพร้าว 3.3 แสนตัน
นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวยอมรับว่าสิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้กลัวรัฐบาลจะพลิกมตินำเข้ามะพร้าว เนื่องจากในขณะนี้หน่วยงานราชการกำลังทำข้อมูลบิดเบือนเอาใจนายทุนว่ามะพร้าวในประเทศขาดแคลน ดังนั้นใครมานั่งก.เกษตรหรือพาณิชย์ เตรียมจะยื่นข้อเสนอ 1. ขอเพิ่มเก้าอี้เกษตรในคณะอนุกรรมการบริหารมะพร้าว จากเดิมที่มีสภาเกษตรกรนั่งเพียงแค่ตำแหน่งเดียวเกรงเสียงจะน้อย เป็นรองกับข้าราชการและโรงงานกะทิที่นั่งอยู่ในบอร์ด 2.ยืนยันมะพร้าวในประเทศมีเพียงพอ ปีนี้ให้ระงับนำเข้าทั้งปี
++ร้องระงม! ระบบนมโรงเรียนใหม่พ่นพิษ
นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานคณะทำงานสหกรณ์รวบรวมและแปรรูปผลิตภัณฑ์นมเกษตรกรไทย ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ทางชุมนุมฯ จะต้องยื่นเรื่องให้รัฐมนตรีทบทวนระบบนมโรงเรียนใหม่ หลังจากเปลี่ยนระบบจัดโควตาใหม่เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า 2.ให้ช่วยผลักดันยุทธศาสตร์โคนมแห่งชาติที่ยื่นไปแล้วยังไม่มีการขับเคลื่อน 3.เรื่องขอสนับสนุนการใช้แบรนด์สไมล์มิลค์และโบว์ทองมาเป็นแบรนด์กลางเพื่อใช้นมดิบของเกษตรกรไทยให้ผู้ประกอบการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ขายเข้าสู่ร้านในโครงการธงฟ้าประชารัฐ
4.การแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เกิดความเป็นธรรม คือ คิดค่าใช้จ่ายที่ก่อนนำเงินรายได้มาหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมตามนโยบายรัฐบาลเนื่องจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้ใช้รายได้จากค่าน้ำนมดิบจัดซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ มันเส้น ข้าวโพด หญ้าฟาง เป็นต้น 5.เรื่องขอสนับสนุนการก่อสร้างโรงงานนมยูเอชที และโรงงานผลิตนมเม็ด เพื่อรองรับการแข่งขันจากการค้าเสรีนมผงจากต่างประเทศ
++บีบ แก้ พ.ร.ก.ประมง จ่อปักหลักยาว
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการเรียกร้องของสมาคม 36องค์กร 17 จังหวัด จากทั้งหมด 59 องค์กร 22 จังหวัด เสียงที่เรียกร้องเกินกึ่งหนึ่ง ที่จะให้จัดประชุมวิสามัญดังนั้นจึงให้ทางสมาคมทำหนังสือถึงกรรมการบริหารสมาคมให้มีประชุมกรรมการ (นัดพิเศษ) ในวันที่ 10 มิถุนายน 2562 เวลา 13:00 -16:00 น. ในวันนั้นจะมีการพิจารณาข้อเรียกร้องของสมาคมเพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่วิสามัญ
เมื่อได้วันที่ประชุมใหญ่วิสามัญแล้ว คาดว่าจะใช้ “ตลาดทะเลไท” เป็นเวทีกำหนดนโยบายและรับฟังความคิดเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง ซึ่งจะเป็นการแสดงพลังให้รัฐบาลได้เห็น เช่น อาจจะต้องมีการกดดันขอให้แก้กฎหมาย อาจจะไปปักหลักอยู่รัฐสภา เป็นต้น เพื่อให้แก้ทั้งฉบับ เพราะกฎหมายแย่คนประกอบอาชีพอยู่ไม่ได้ เจ๊งกันมาตลอด 4-5 ปี เมื่อใครมานั่งในตำแหน่งกระทรวงเกษตรฯ ที่ได้ให้สัญญาว่าจะแก้กฎหมายให้จะต้องทำตามสัญญา
++ฟ้องศาลปมตั้งบริษัทร่วมทุนผิดกฎหมาย
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประทศไทย (สยยท.) กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนเกษตรกรชาวสวนที่ถูกหักเงินค่าธรรมเนียมการส่งออกยางพาราออกนอกราชอาณาจักร (เซสส์) ในอัตรา 2 บาท/กก.ขณะนี้ได้เตรียมเรื่องขอฟ้องศาลปกครองกลางกรุงเทพ ให้เอาผิดกับคณะกรรมการ กยท. (บอร์ด) ที่มี พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข อดีตประธานบอร์ด ที่ได้มีมติเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมาจากกรณีที่ นายธีธัส สุขสะอาด ผู้ว่าการ กยท. ได้นำเงิน 200 ล้านไปร่วมลงทุนกับ 5 บริษัทค้ายางรายใหญ่ อ้างว่าไม่มีความผิด แต่ความจริงขัดกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 65 (5)(6)
อย่างไรก็ดีเรื่องดังกล่าวนี้ได้ทราบข่าวว่าทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานกำกับ กยท. ได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งได้ตีความว่าการจดทะเบียนของบริษัทและบริษัทร่วมทุนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 65 เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงขอให้ศาลไต่สวนให้บอร์ดทั้งคณะชดใช้ความเสียหายและรับผิดชอบไม่ต่างกับ "คดีจำนำข้าว"
