การจัดงาน Thailand Travel Mart Plus 2019 (TTM+ 2019)เมื่อวันที่ 5-7 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ Ocean Marina Yacht Club พัทยา ไม่เพียงได้รับการตอบรับจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายที่ในปีนี้ เดินทางมาเจรจาธุรกิจ เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดหวังว่าภายใน 30 วัน นับจากงานนี้ จะช่วยสร้างมูลค่าในการขายได้กว่า 2.5 พันล้านบาท จากการเจรจาธุรกิจที่เกิดขึ้น
ผู้ซื้อใหม่ปีนี้พุ่งกว่า 47.95%
ทั้งนี้ในปีนี้มีผู้ขาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยและกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่นํ้าโขง (GMS) นำสินค้าและบริการท่องเที่ยวมาเสนอขายรวมกว่า 370 ราย เพิ่มขึ้น 10.12% โดยเป็นผู้ขายที่เดินทางมาครั้งแรกคิดเป็นสัดส่วน 24.53% และมีผู้ซื้อกว่า 340 ราย จาก 51 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้น 18.47 % ทั้งยังเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่เดินทางมาเป็นครั้งแรกคิดเป็นสัดส่วน 47.95%
บรรยากาศของงานในปีนี้ ผู้ขายมองว่าคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากในปีนี้มีผู้ซื้อจากต่างประเทศที่เป็นรายใหม่ เดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้ได้ตลาดที่หลากหลาย ทั้งยุโรป และเอเชีย รวมถึงมีการจับคู่การนัดเจรจาธุรกิจที่ตรงกับตลาดของผู้ขายที่มาร่วมงานล่วงหน้าก่อนวันเจรจาธุรกิจที่เกิดขึ้น
ผู้ขายเมืองรองรุกลูกค้าต่างชาติ
อีกหนึ่งความพิเศษของการจัดงานในปีนี้ คือเป็นครั้งแรกที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ใช้เวทีนี้ เพื่อผลักดันการขายการท่องเที่ยวเมืองรอง ผ่านการเจรจาธุรกิจท่องเที่ยวในครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ขายจากเมืองรองกว่า 20 รายเข้ามาร่วมเจรจาธุรกิจ การโชว์เคสสินค้าต่างๆ ของเมืองรอง
นายปรัชญากรณ์ ไชยคช รองประธานสมาคมท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (TRTA) เผยว่าโปรดักต์ที่ทางสมาคมนำมาเสนอขายกับผู้ซื้อต่างชาติ จะเน้นโปรดักต์เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน ใน 2 จังหวัดเมืองรอง คือ 4ชุมชนในจังหวัดกระบี่ อาทิ บ้านแหลมศักดิ์, บ้านหนองทะเล และ 6 ชุมชนในแม่ฮ่องสอน ที่เป็นชุมชนชาวเขา อาทิ ผามอน, บ้านเมืองแพม ที่จะมีเส้นทางท่องเที่ยวในแบบวันเดย์ทริป เพื่อให้ผู้ซื้อที่เป็นเอเยนต์จากต่างประเทศนำไปเสนอขาย ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นตลาดยุโรป
เนื่องจากการท่องเที่ยวในลักษณะนี้เป็นแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ตลาดนี้ต้องการและมีการเติบโตที่ดี ซึ่งชุมชนได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว และไทยได้นักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยแม้ไทยจะมีชุมชนมากถึง 2 พันชุมชน แต่มีชุมชนที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ราว 100 ชุมชนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันสมาชิกของสมาคมก็ขายอยู่ราว 50-60 ชุมชนทั่วประเทศ
นายศิลปัจน์ วัชรพงศ์ กรรมการสมาคมท่องเที่ยวขนอม ฝ่ายต่างประเทศ เผยว่า การที่สมาคมฯและผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนอม มีโอกาสเข้ามาร่วมงานTTM+2019 จัดว่าเป็นเวทีสำคัญที่จะทำให้สามารถนำเสนอโปรดักซ์สำหรับทะเลขนอม ที่ยังเงียบสงบ ไปยังตลาดต่างชาติได้โดยตรงผ่านผู้ซื้อจากต่างประเทศที่เข้ามาร่วมงาน โดยที่ไม่ต้องบินไปทำตลาดไกลถึงต่างประเทศ ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากตลาดพอสมควร เพราะยังเป็นโปรดักซ์ใหม่สำหรับต่างชาติ
ททท.ชูเมืองรองโปรดักต์ใหม่
รวมถึงภายในงานนียังมีการจัดทริปพาสื่อมวลชนและผู้ซื้อจากต่างประเทศได้สัมผัสสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยได้อย่างหลากหลาย ทั้งเส้นทางเมืองรอง เมืองหลักเชื่อมเมืองรอง และเส้นทางเชื่อมโยงประเทศในกลุ่ม AEC อาทิProgram Local Wisdom in Coconut Village, Program The East Side Vibe เส้นทางพัทยา –ระยอง – จันทบุรี, Program Delve into the Land of Civilizationเส้นทางพัทยา – ระยอง – จันทบุรี –พระตะบอง – เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
นอกจากนี้ททท.ยังเน้นโปรโมตการท่องเที่ยวเมืองรองของไทย ผ่านสื่อมวลชนกว่า 130 รายทั่วโลก ที่เข้ามาทำข่าวใน ครั้งนี้ด้วย
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่าจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยกว่า 38 ล้านคนในปี 2561 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางท่องเที่ยวเมืองรอง 6 ล้านคน/ครั้ง เติบโต 4.95%
ดังนั้นในปีนี้ททท.จึงรุกโปรโมตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้น ผ่าน 3 กลยุทธ์ ABC ได้แก่ การเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองรอง (Additional) การส่งเสริมประชาสัมพันธ์เมืองรองใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ (Brand New) และการรวมเมืองรองเข้าด้วยกัน (Combined) อาทิ สุโขทัยพ่วงพิษณุโลก กำแพงเพชร /เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง
ทั้งนี้สำนักงานในประเทศของททท.ทั้ง 29 แห่งจะทำงานร่วมกับพื้นที่ เพื่อให้มั่นใจว่าเมืองรองที่นำเสนอโปรดักต์ไหนจะเหมาะกับตลาดจีน หรือตลาดยุโรป เราทำทั้งด้านดีมานด์และซัพพลาย เพราะต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพ และยังคงรักษาวิถีชีวิตของท้องถิ่นได้เช่นกัน ซึ่งแคมเปญเมืองรอง จะช่วยกระจายความคับคั่งของการท่องเที่ยวในเมืองหลัก อย่างภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยาได้
ขณะเดียวกันการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองยังทำให้ไทยมีโปรดักต์ใหม่ด้านการท่องเที่ยวมานำเสนอขายด้วย
นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท.กล่าวว่าการจัดงาน TTM+2019 เราจัดงานภายใต้แนวคิด “New Shade of Emerging Destinations” ที่ชูเรื่องเมืองรองเข้ามาเป็นสินค้าใหม่ด้านการท่องเที่ยวของไทยสำหรับตลาดต่างชาติ เพราะที่ผ่านมาเราขายโปรดักต์ท่องเที่ยวมาจะครบ 60 ปีในปีหน้า โปรดักต์ของเราเก่า การขยายฐานลูกค้าเพื่อเจาะนิช มาร์เก็ตโปรดักต์ ในเมืองรองก็จะเป็นการสร้างจุดขายใหม่ให้กับการท่องเที่ยวของไทยได้
เชื่อมขายเมืองรองลุ่มนํ้าโขง
ไม่เพียงการโชว์เคสการท่องเที่ยวเมืองรองของไทยเท่านั้น ภายในงานนี้ยังมีการโปรโมตการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเมืองรองในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มนํ้าโขงซึ่งไทยก็เป็น 1 ใน 6 ประเทศลุ่มนํ้าโขงด้วยเช่นกัน ที่รวมทั้ง 6 ประเทศในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวรวมกันกว่า 67 ล้านคน โดยมีการเที่ยวในไทยกว่า 38.2 ล้านคน ตามมาด้วยเวียดนาม ซึ่งอยู่ที่ 15.4 ล้านคน
นายแกเร็ท ครูเกอร์ ที่ปรึกษาผู้อำนวยการสำนักประสานงานลุ่มแม่นํ้าโขง กล่าวว่า ความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มนํ้าโขงในปีนี้จะเน้น 2 เรื่องหลัก เรื่องแรก คือ โครงการ Experience Mekong Collection 2019 ที่โปรโมตโปรดักต์ ที่ทำเรื่องของโซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ การท่องเที่ยวเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม วิสาหกิจชุมชนกว่า 200 โปรดักต์ ใน 6 ประเทศ เพื่อมุ่งสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ผ่าน www.experiencemekong.org ซึ่งในไทยก็มีโปรดักต์ของสาม พรานริเวอร์ไซด์ อยู่ในนั้นด้วย หรือโปรดักต์ Soksabike ของกัมพูชา และโครงการ Mekong MINIS เน้นการโปรโมตในลักษณะ Visual Storytelling ในเมืองรอง ซึ่งเป็นการโปรโมตผ่านโซเชียล ทั้งเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม เป็นต้น
TTM+2019 ในปีนี้จึงไม่เพียงกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศเหมือนทุกปี แต่ในปีนี้ยังเป็นเวทีในการขับเคลื่อนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเมืองรองเพิ่มมากขึ้นด้วยนั่นเอง
รายงาน โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3477 วันที่ 9-12 มิถุนายน 2562