2ช่องยักษ์แข่งดุ ชิงเบอร์1ข่าวเปิดศึกเรตติ้งกวาดรายได้

12 มิ.ย. 2562 | 13:50 น.

เปิดศึกชิงเรตติ้งข่าว “ทีวีดิจิทัล”เร่งปรับแผนเสริมแกร่งคอนเทนต์ข่าว ช่อง 3 ประกาศทวงคืนแชมป์ข่าวเช้า ต้องได้ทั้งเรตติ้งและเม็ดเงิน ด้านช่อง 7 เชื่อมั่นครองใจผู้ชมยันผังเดิมยาวสิ้นปี ขณะที่ “เจเคเอ็น” เล็งผลิตขาย หวังช่วยช่องลดตุ้น ทุน สปริง 26 เตรียมผนึกเนชั่น เบนเข็มรุกออนไลน์เต็มรูปแบบ

“คอนเทนต์ข่าว” ยังถือเป็นหัวใจหลักที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลใช้เป็นแรงดึงผู้ชมและเชื่อว่าจะสร้างให้เกิดขึ้นซึ่งเรตติ้งและรายได้ แน่นอนว่าวันนี้คอนเทนต์ข่าวของช่อง 7 และช่อง 3 จะยังครองความเป็นผู้นำ (สลับกันในบางช่วงเวลา) แต่ยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการทุกช่องด้วยจุดขายรูปแบบการนำเสนอและแง่มุมที่แตกต่าง

ช่อง 3 ทวงคืนเรตติ้ง-รายได้

หนึ่งในเป้าหมายที่ “อริยะ พนมยงค์” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด(มหาชน) วางหมากในการรุกพลิกฟื้นรายได้ให้กับบีอีซีเวิลด์ หรือช่อง 3 ก็คือ รายได้จากรายการข่าว ซึ่งอริยะบอกว่า วันนี้รายการข่าวของช่อง 3 ยังมีเรตติ้งติดอันดับต้นๆ เกือบทุกรายการแต่นับจากนี้จะมุ่งเน้นให้เกิดความชัดเจน หลังจากจำนวนช่องต่างๆลดลง และช่อง 3 เองก็คืนไลเซนส์ช่อง 3 SD และช่อง 3 แฟมิลี่ไป

2ช่องยักษ์แข่งดุ ชิงเบอร์1ข่าวเปิดศึกเรตติ้งกวาดรายได้

                                                  อริยะ พนมยงค์

“คอนเทนต์ที่ช่อง 3 แข็งแรงคือ ละคร และข่าว หลังจากที่ต้องเผชิญวิกฤติต่างๆ ทำให้รายได้จากรายการข่าวลดลง แผนงานต่อไปคือจะสร้างความชัดเจน และสร้างรายการข่าวให้กลับมาอยู่ในอันดับ Top ไม่ใช่แค่เรตติ้ง แต่ต้องทำรายได้ให้กับบริษัทด้วย โดยรูปแบบการนำเสนออาจไม่ใช่แค่รายการข่าวผ่านทางช่องทีวี แต่จะเป็นการเข้าไปอยู่ในทุกๆ แพลต ฟอร์ม ซึ่งจะมีทั้งที่บริษัทลงทุนเอง และร่วมกับซัพพลายเออร์”

ที่ผ่านมาช่อง 3 ถือว่าทำรายการข่าวได้ดี แต่ก็ต้องสร้างขาอื่นให้แข็งแรงเพื่อรองรับการแข่งขันของอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลที่เชื่อว่ายังคงดุเดือดและรุนแรง

อย่างไรก็ดี รายการข่าวที่เรตติ้งดีของช่อง 3 HD ณเวลานี้กลับไปอยู่ในช่วงข่าวภาคเที่ยง จากเดิมที่เป็นข่าว 3 มิติและเรื่องเล่าเช้านี้ ทำให้ช่อง 3 ปรับลดเวลาของข่าวลงส่งผลให้รายได้ลดลงด้วย ดังนั้นเชื่อว่ารายการข่าวทั้งภาคเช้าและคํ่าจะปรับเพิ่มเวลาและรูปแบบการนำเสนอให้แตกต่างด้วยเทคโนโลยีเพื่อจะเพิ่มจำนวนคนดูให้กลับคืนมา พร้อมกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น

2ช่องยักษ์แข่งดุ ชิงเบอร์1ข่าวเปิดศึกเรตติ้งกวาดรายได้

ช่อง 7 ยืนหนึ่งเรตติ้งข่าว

การประกาศเปิดตัวคอนเทนต์ใหม่ที่จะมาใช้เป็นหัวหอกในไตรมาส 3 ของช่อง 7HD ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ดัง และรายการวาไรตีเด็ด โดยไฮไลต์เป็นราย การเรียลลิตีทำอาหารที่ประสบความสำเร็จเรียกเรตติ้งได้กระฉูดอย่าง “THE NEXT IRON CHEF ศึกค้นหาเชฟกระทะเหล็ก” หรือจะเป็นซีรีส์เกาหลี “วิมานวาดฝัน” (SKY CASTLE) ซึ่งไม่มีรายการข่าวอยู่เลยเป็นการตอกยํ้าให้เห็นถึงความมีคอนเทนต์ข่าวที่แข็งแรง โดยสามารถครองเรตติ้งอันดับ 1 ได้ในทุกช่วงเวลาตั้งแต่ข่าวดึก ข่าวเช้า ข่าวเที่ยง ข่าวต้นชั่วโมง ข่าวเย็น และข่าวคํ่า แต่หากดูในบางวันก็ถูกช่อง 3 ตอดแชร์ไปบ้าง โดยเฉพาะในช่วงข่าวเที่ยง

2ช่องยักษ์แข่งดุ ชิงเบอร์1ข่าวเปิดศึกเรตติ้งกวาดรายได้

วันนี้ช่อง 7 HD ยังยืนยันที่จะเดินหน้าผังรายการข่าวในรูปแบบเดิมไม่มีการปรับเปลี่ยนมาตั้งแต่ต้นปี เพราะยังเชื่อมั่นในทีมข่าว ผู้ประกาศข่าวและคอนเทนต์ที่แข็งแรง หลังจากที่ปรับเพิ่มช่วงเวลา 3 รายการข่าว ได้แก่ รายการเช้าข่าว 7 สี , รายการสนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ และรายการข่าวดึก 7HD นอกจากนี้ยังเน้นนำเสนอรายการข่าวแบบรายงานสดจากพื้นที่มากขึ้น เพื่อความสดใหม่ของข่าว และเกาะติดทุกกระแสข่าวที่น่าสนใจในโลกโซเชียล เรียกว่าอะไรฮอต อะไรดัง ช่อง 7 HD จะเร่งนำเสนอทันที

 

JKN ป้อนข่าว GMM25

อีกช่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือ GMM 25 แม้ก่อนหน้านี้ช่อง GMM 25 จะพยายามลดคอนเทนต์ข่าว ด้วยการลดคนเพราะถือเป็นคอนเทนต์ที่มีต้นทุนสูง จากการที่ต้องผลิตและใช้ทีมงานที่มีทักษะความรู้ ทำงานแข่งกับเวลา ชิงความรวดเร็วและแง่มุมที่แตกต่าง และเลือกที่จะปรับกลยุทธ์การเสนอด้วยการหันไปจับมือเป็นพันธมิตรอย่างเจเคเอ็น นำคอนเทนต์ข่าวจากสถานีข่าว CNBC มานำเสนอแทนก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่จะสร้างความต่างจากคอนเทนต์ข่าวอื่นๆ ที่มีอยู่

โดยคอนเทนต์ข่าวจาก JKN News จะถูกป้อนให้แก่สถานีโทรทัศน์ดิจิทัลจำนวน 4-5 ช่อง นำร่องโดยช่องแรกคือ ช่อง GMM25 จำนวน 3 รายการ ได้แก่ รายการ Squawk Box (จ-ศ 06.00 น.-08.00 น.) ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ชมทั่วโลกว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ, รายการ Power Lunch (จ.-ศ. 12.30 - 13.30 น.) ที่จะติดตามความเคลื่อน ไหวของข่าวสารในภาคเช้าและแนวโน้มทิศทางของข่าวในภาคบ่าย และรายการ Street Signs (จ.-พฤ. 16.15-18.00 น. และ ศ. 16.15-18.20 น.)

ด้านช่อง 8 ยังให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ข่าวเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมายังคงเน้นคอนเซ็ปต์ เล่าง่าย คุยง่าย เข้าใจ ง่าย พร้อมเพิ่มกลยุทธ์ทีมข่าว โดยมุ่งทำข่าวเจาะในเชิงลึกที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ อยู่ในความสนใจของประชาชน รวมถึงเพิ่มช่วง “คุยข่าวการเมือง” เวลา 08.00-8.30 น. ของรายการคุยข่าวเช้า และในรายการคุยข่าวเย็น เวลา 15.15-15.30 น. ของทุกวันจันทร์-อาทิตย์

 

สปริง26รุกข่าวออนไลน์

ขณะที่ช่องเนชั่น 22 และสปริง 26 เป็นอีกช่องที่หลายคนให้ความสนใจ กับแผนการผนึกรวมกำลังผลิตคอนเทนต์ข่าวออกมารุกตลาดออนไลน์หลังจากคืนช่องทีวีเสร็จสิ้น

นายฉัตรชัย ตะวันธรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปริง 26 จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันรายการข่าวของแต่ละช่องรูปแบบไม่แตกต่างกันมากเท่าไรนัก ซึ่งในด้านของสปริง 26 เองหลังจากทำเรื่องยื่นเอกสารการคืนช่องแล้ว ขั้นตอนจากนี้อยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจจากเดิมที่เคยมุ่งเน้นการผลิตรายการข่าวสู่แพลตฟอร์มทีวี หลังจากนี้ไปจะมุ่งสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทางอย่างเต็มที่ ขณะที่บุคลากรส่วนหนึ่งจะถูกโยกไปช่องเนชั่น 22 และบางส่วนที่เหลือจะอยู่ในช่องสปริง 26 เช่นเดิมแต่จะเน้นการผลิตคอนเทนต์ไปที่ออนไลน์แทน

2ช่องยักษ์แข่งดุ ชิงเบอร์1ข่าวเปิดศึกเรตติ้งกวาดรายได้

“ระหว่างนี้ยังรอความชัดเจนในเรื่องของเวลาการยุติช่องทีวีดิจิทัลจากกสทช.ว่ากำหนดวันเวลาเมื่อไร ซึ่งบริษัทได้ยื่นเอกสารต่างๆเรียบร้อยแล้ว และในระหว่างที่รอสปริง 26 จะปรับแผนธุรกิจใหม่จากทีวีไปสู่ออนไลน์ รวมทั้งปรับแบรนด์จาก สปริง 26 เป็น สปริง ออน ไลน์ แทน ขณะที่คอนเทนต์ที่ผลิตยังคงให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ข่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการวางแผน” 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3477 ระหว่างวันที่ 9-12 มิถุนายน 2562