ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงหนักเมื่อคืนนี้ ( 31 พ.ค. ) ร่วงลง 354.84 จุด หรือ -1.41% ปิดที่ 24,815.04 จุด ดัชนี S&P500 ร่วงลง 36.80 จุด หรือ -1.32% ปิดที่ 2,752.06 จุด และ ดัชนีNasdaq ร่วงลง 114.57 จุด หรือ -1.51% ปิดที่ 7,453.15 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเม็กซิโกในอัตรา 5% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนนี้และจะปรับขึ้นจนถึง 25% ภายในเดือนตุลาคม หากเม็กซิโกไม่สามารถหยุดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโกเข้าไปยังพรมแดนสหรัฐ
ขณะที่สหรัฐยังเผชิญข้อพิพาททางการค้าจากจีน ขณะที่สื่อรายงานว่า จีนได้ระงับการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐแล้ว และอาจระงับการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้น
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า ทางกระทรวงจะจัดทำรายชื่อบริษัทต่างชาติ, องค์กร และบุคคล ซึ่งทางกระทรวงมองว่าไม่น่าเชื่อถือ และเป็นภัยต่อบริษัทของจีน โดยนายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า รายชื่อดังกล่าวจะประกอบด้วยบริษัท, องค์กร หรือผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาด และเจตจำนงของสัญญาโดยสกัดกั้นการส่งสินค้าไปยังบริษัทจีน อันเนื่องจากเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับเชิงพาณิชย์ และบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายของบริษัทจีน
โดยหุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดลบ นำโดยกลุ่มบริการสื่อสาร ร่วงลงกว่า 2% หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ส ร่วง 4.25% และ หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วง 2.16% ขณะที่หุ้นวอลมาร์ท ลดลง 0.73% ฯลฯ