คุมหมื่นแห่งใช้วัตถุอันตราย เริ่มต.ค.นี้สกัดลักลอบนำเข้า-เก็บไม่ถูกวิธี
กรอ.เผย ร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตราย มีผลใช้บังคับ 27 ต.ค.นี้ หวังควบคุมโรงงานกว่า 1 หมื่นแห่ง ที่มีการนำเข้า หรือปล่อยทิ้งไว้ผิดวิธี รัฐสามารถสั่งให้ผู้ประกอบการนำวัตถุอันตรายออกนอกประเทศได้ทันที
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตราย (ฉบับที่...) พศ...ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากเป็นกลไกควบคุมวัตถุอัตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ควบคุม และเพิ่มมาตรการกำกับดูแลรวมถึงป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าวัตถุอันตรายเข้ามาใช้ประโยชน์หรือปล่อยทิ้งไว้โดยไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้
ปัจจุบันพบว่ามีผู้ประกอบการวัตถุอันตรายทางอุตสาห-กรรมกว่า 10,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งในปี 2561 ได้มีการออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายราว 2,000 ฉบับ ออกใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก และมีไว้ในครอบครอง วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ราว 5,500 ฉบับ ออกใบรับแจ้งการดำเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ประมาณ 1,000 ฉบับ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่หลุด จากขอบเขตนิยามในการเป็นโรงงานประมาณ 70,000 รายทั่วประเทศตามพ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรมฉบับใหม่นั้นหากรายใดดำเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายต้องมาขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายก่อนเช่นกัน
ส่วนสถานการณ์การใช้วัตถุอันตรายของประเทศนั้นเนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องประกอบกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนและการผลิตส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีการขยายตัวตาม การผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ จำเป็นต้องใช้สารเคมีเป็นองค์ประกอบ ทำให้แนวโน้มการนำเข้าสารเคมีที่เป็นวัตถุอันตรายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากปี 2561 มีการแจ้งนำเข้า 3.85 ล้านตัน และส่งออก 2.70 ล้านตัน ซึ่งวัตถุอันตรายเหล่านี้ แม้จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ แต่ก็ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เหมาะสม
นายทองชัย กล่าวอีกว่า สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตรายฉบับใหม่นั้น ได้มีการแยกนิยามเรื่องการนำผ่าน ออกจากการนำเข้า ทำให้สามารถออกกฎเกณฑ์และวิธีการควบคุมที่เหมาะสมกับลักษณะของการประกอบการดังกล่าวได้ ซึ่งจะให้ความสำคัญถึงความปลอดภัย และผลประโยชน์ของประเทศ และป้องกันไม่ให้นำวัตถุอันตรายมาทิ้งโดยไม่สามารถหาตัวผู้ดำเนินการได้
นอกจากนี้ยังได้ให้อำนาจหน่วยงานผู้รับผิดชอบสั่งให้ผู้นำเข้าหรือผู้นำผ่านส่งวัตถุอันตรายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเร่งด่วนได้หากการเก็บรักษาอาจมีอันตรายโดยไม่มีการทำลายหรือกำจัดภายในประเทศ
ส่วนกรณีที่วัตถุอันตราย ที่มีการทำประกันไว้ แล้วเกิดความเสียหายขึ้น ผู้ประกอบการจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น เพื่อจะชดเชยให้กับผู้ได้รับความเสียหาย และหน่วยงานผู้เข้าช่วยเหลือ เคลื่อนย้าย หรือขจัดความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องรอการพิสูจน์ความรับผิด จากนั้นจึงให้ผู้รับประกันภัยไปไล่เบี้ยเอากับบุคคลซึ่งเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อไป
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,475 วันที่ 2-5 มิถุนายน 2562
