เบทาโกร ส่ง 1,000 เมนูใหม่ รุกตลาดอาหารพร้อมทาน

27 พ.ค. 2562 | 10:10 น.

       “เบทาโกร” ต่อยอดความสำเร็จผู้นำอุตสาหกรรมอาหารคุณภาพและปลอดภัย เปิดแผนงานดันรายได้ต่อเนื่อง ล่าสุดส่งเมนูกว่า 1,000 รายการรุกตลาดอาหารพร้อมทาน  พร้อมวางกำลังการผลิต 8,000 ตัน ต่อปี จาก Betagro Central Kitchen นวนคร ตอบโจทย์ผู้บริโภคในสังคมเมืองที่ต้องการความสะดวก อร่อย หลากหลาย และมีคุณภาพ ตั้งเป้ากำลังการผลิตรวม 8,000 ตันต่อปี คาดสิ้นปีโต 12%

       นายสมศักดิ์ บุญลาภ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกร เปิดเผยว่า ปี 2561 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของเบทาโกร ด้วย 3 กิจกรรมหลักคือ การเปิดตัวแคมเปญการตลาดใหญ่ ‘ไส้กรอกรมควันเบทาโกร – อร่อยใช่ สัมผัสไหนก็โดน’ โดยมี โป๊ป-ธนวรรธน์ เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของผลิตภัณฑ์ไส้กรอกแบรนด์เบทาโกร  สามารถเพิ่มการรับรู้แบรนด์ไส้กรอกรมควันเบทาโกรในตลาดได้ถึง 93% และมีการบริโภคเป็นประจำเพิ่มสูงถึง 45% (ผลการวิจัยผู้บริโภค 300 คน โดยวัดจากการรับประทานสินค้าทุก 1 สัปดาห์เป็นประจำ) ช่วยดันยอดขายเพิ่มเฉพาะกลุ่มไส้กรอกสูงถึง 10% โดยที่ไส้กรอกกลุ่มพรีเมี่ยมและเกรด A เติบโตถึง  15%  นอกจากนี้เบทาโกรยังมุ่งมั่นสร้างการรับรู้และความเข้าใจเพื่อหวังให้ผู้บริโภคตระหนักและหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ผ่านแคมเปญ ‘เลือกกิน ให้อนาคต’ ตอกย้ำผลิตภัณฑ์เอสเพียว ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในขั้นตอนการเลี้ยงตั้งแต่วันแรก หรือ RWA (Raised Without Antibiotics) รับรองโดย NSF เป็นรายแรกของโลก ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอาหารสดหมู ไก่ ไข่ ภายใต้แบรนด์เอสเพียวในปี 2561 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17%  ในขณะที่ตลาดสินค้าพรีเมี่ยมเติบโต 10%

เบทาโกร ส่ง 1,000 เมนูใหม่ รุกตลาดอาหารพร้อมทาน

      “สินค้ากลุ่ม RWA (Raised Without Antibiotics) นี้ ยังถือเป็นสินค้าสำคัญที่ช่วยเปิดตลาดส่งออกอาหารไปยังกลุ่มตะวันออกกลางและตลาดยุโรป ในรูปแบบ OEM และภายใต้ตราสินค้าเอสเพียว ไปยังประเทศฮ่องกงอีกด้วย ส่งผลให้ยอดส่งออกเบทาโกรเพิ่มขึ้น 14% ในขณะที่การส่งออกโดยรวมของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพียง 11%"

      สำหรับทิศทางธุรกิจของเบทาโกรในปีนี้บริษัทมีกิจกรรมหลัก 4 กิจกรรม โดยกิจกรรมแรก เป็นการเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากแคมเปญ ไส้กรอกรมควันในปีที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อแคมเปญใหม่ ‘ไส้กรอกเบทาโกร ชีส ซีรีส์ ความอร่อยที่ใครก็หยุดไม่ได้’ โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ไส้กรอกชีส 6 รสชาติ 6 สไตล์ เพื่อให้สอดรับกับกระแสความต้องการของตลาด ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบชีส และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพของอาหาร

เบทาโกร ส่ง 1,000 เมนูใหม่ รุกตลาดอาหารพร้อมทาน

        นอกจากนี้เพื่อเป็นการต่อยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าพรีเมี่ยมแบรนด์เอสเพียว จึงออกผลิตภัณฑ์ไส้กรอกพรีเมี่ยมสไตล์โฮมเมดที่ผลิตจากเนื้อหมูเอสเพียว เอาใจกลุ่มผู้บริโภคที่ใสใจในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้ตนเองหรือครอบครัว โดยเริ่มวางจำหน่าย 6 สาขา ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน,เดอะมอลล์บางแค, เซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า   รวมทั้งตั้งเป้าขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าเอสเพียวผ่าน Antibiotic Free Zone ในร้าน BETAGRO Shop กว่า 49 สาขา และผลักดันสู่ทุกสาขาของร้าน BETAGRO Shop ทั่วประเทศ ในปี 2020  ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปของเบทาโกรถือครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 15% มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโต 15% 

เบทาโกร ส่ง 1,000 เมนูใหม่ รุกตลาดอาหารพร้อมทาน

      ด้านแนวโน้มตลาดส่งออกของปี 2562 เป็นไปในทิศทางที่ดี เบทาโกรตั้งเป้าปริมาณการส่งออกทั้งหมดในปีนี้ กว่า  97,580 ตัน ตั้งเป้าเติบโต 12% ในปีนี้ โดยผลิตภัณฑ์หลักยังคงเป็นไก่ปรุงสุกแช่แข็ง และไก่สดแช่แข็ง ซึ่งในปีนี้ยังคงเน้นการทำตลาดสินค้าไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ (RWA) ทั้งภายใต้แบรนด์เอสเพียว และ OEM ไปยังตลาดเอเชีย ได้แก่ ประเทศ ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และยุโรป ในกลุ่มสแกนดิเนเวียร์ อย่างต่อเนื่อง  นอกจากนี้ยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตสินค้าไก่ปรุงสุกเพิ่มขึ้นอีกปีละ 3,000 ตัน เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นซึ่งมีความต้องการสินค้าจากประเทศไทยมากขึ้น 

      ขณะที่ในส่วนของ Betagro Central Kitchen นวนคร ที่ได้ลงทุนก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมอาหารเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เมื่อปีที่แล้ว ด้วยงบกว่า 750 ล้านบาท วันนี้ Betagro Central Kitchen พร้อมแล้วที่จะส่งต่ออาหารพร้อมรับประทานที่หลากหลายมากกว่า 1,000 รายการ ใน 6 หมวดสินค้า ได้แก่ 1. อาหารทานเล่นและสินค้าทอดประเภทหมู ไก่ 2.ผลิตภัณฑ์ไข่ปรุงสุก 3. ข้าวกล่องพร้อมรับประทาน 4. กับข้าวสำเร็จรูป 5. เบเกอรี่ และ 6.ผลิตภัณฑ์ปรุงรส ผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยกำลังการผลิตรวม 8,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายในส่วนของอาหารแปรรูป และพร้อมรับประทานได้อีกราว 17 %