ยั๊วะ!ตะเพิดส่งโรงงานกะทิเอาเปรียบร้อง“มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค”ฟัน

26 พ.ค. 2562 | 10:35 น.

มาแน่ม็อบจ่อบุกกรุง! รอ “รัฐมนตรีเกษตร-พาณิชย์” ลงตัวเป็นใคร “พงษ์ศักดิ์”เดือดขีดสุด แฉโรงงานแสบหลังได้นำเข้าแล้วเล่นเกมถ่วงเวลาซื้อให้มะพร้าวค้างเน่าเสีย นัดมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคแยกมะพร้าวไทย-อินโด ฯผวาสวมสิทธิ์แบรนด์ไทย ด้านโรงงานสำเร็จรูป ขอแก้ระเบียบนำเข้ากรอบอาฟต้า อ้างเตรียมตัวไม่ทันขอกลับไปใช้ระเบียบเดิมก่อน

ยั๊วะ!ตะเพิดส่งโรงงานกะทิเอาเปรียบร้อง“มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค”ฟัน

นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เผยกับ  “ฐานเศรษฐกิจ” ในขณะนี้กำลังรอโปรดเกล้าฯ ว่าใครจะมานั่งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะไปเสนอในคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสินค้ามะพร้าว ควรจะมีตัวแทนเครือข่ายชาวสวนมะพร้าวเข้าไปนั่งอยู่ในกรรมการด้วย เพราะแค่มีสภาเกษตรกรแห่งชาตินั่งอยู่ในนั้นคนเดียวน้อยเกินไป เกรงว่าจะรับมือไม่ไหว

ยั๊วะ!ตะเพิดส่งโรงงานกะทิเอาเปรียบร้อง“มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค”ฟัน

“ผลจากการประชุมครั้งที่แล้ว (วันที่ 14 พ.ค.2562) ที่มีนางสาวดุจเดือน ศศินาวิน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานนั้นทางโรงงานอาหารสำเร็จรูปขอแก้ระเบียบการนำเข้ากรอบอาฟต้า กล่าวคือ ห้ามจำหน่ายจ่ายโอน กะเทาะนอกโรงงาน อ้างว่าเตรียมตัวไม่ทัน เค้าไม่สามารถซื้อมะพร้าวได้เนื่องจากให้เกษตรกรปอกแล้วนำขึ้นรถไปส่งที่หน้าโรงงาน 8 บาท ทำไม่ได้ เพราะต้นทุน 8 บาทแล้ว ดังนั้นตัวแทนสภาเกษตรกรที่นั่งเป็นคณะกรรมการให้รอรัฐบาลใหม่ และควรที่จะชะลอออกไปอีก เพราะหากในประเทศมะพร้าวขาดแคลนราคาควรจะสูงกว่านี้”

ยั๊วะ!ตะเพิดส่งโรงงานกะทิเอาเปรียบร้อง“มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค”ฟัน

นายพงษ์ศักดิ์  กล่าวว่า โรงงานอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์กับประเทศไทย ราคา 6-7 บาท อยากย้ายโรงงานก็ย้ายไปเลย และไม่ควรจะใช้โปรดักส์ ออฟไทยแลนด้วย เพราะถ้าดูอัตราส่วนน้ำกะทิที่ส่งออกมีน้อยมากกว่าใช้ภายในประเทศ เพราะฉะนั้นเป็นสิทธิ์ของโรงงานหากคิดจะย้ายฐานการผลิตจริง เพราะอยู่ก็ไม่ได้ช่วยคนไทย ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย พอเริ่มนำเข้า แล้วก็เริ่มอั้น แล้วหยุดซื้อเป็นบางวันให้มะพร้าวไทยเกิดอาการค้างเน่าเสีย ซึ่งจริงแล้วการค้าควรจะเป็นธรรมให้ทุกฝ่ายอยู่ได้

ยั๊วะ!ตะเพิดส่งโรงงานกะทิเอาเปรียบร้อง“มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค”ฟัน

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวถึง ไม่แปลกใจเพราะกระทรวงพาณิชย์ก็ขู่เหมือนกันว่าถ้าเรียกราคาแพงเกินไป โรงงานจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น  ในอีกด้านหนึ่งที่ชาวสวนก็มองว่าที่ผ่านมาทางโรงงานได้รับสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ หรือแม้กระทั่งการเคลมภาษีคืน แต่คุณไม่ได้ช่วยคนไทยก็ไม่ควรที่จะอยู่ในประเทศไทย และไม่ควรจะใช้โปรดักส์ ออฟไทยแลนด้วย ในขณะนี้ก็นัดทางมูลนิธิผู้บริโภคเพื่อที่จะไปยื่นหนังสือตรวจสอบส่วนประกอบน้ำกะทิที่ติดข้างผลิตภัณฑ์ว่า “โปรดักส์ ออฟไทยแลนด์” จริงหรือไม่

ยั๊วะ!ตะเพิดส่งโรงงานกะทิเอาเปรียบร้อง“มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค”ฟัน