2ท็อปโลกชิงดิวตี้ฟรี ‘Dufry-ล็อตเต้’ปะทะ‘คิงเพาเวอร์’
การประมูลดิวตี้ฟรี สนามบินสุวรรณภูมิ สรุปมีผู้ท้าชิง “คิงเพาเวอร์” 2 ราย จากที่เข้ามาซื้อซองรวม 5 ราย
Dufry-ล็อตเต้ลงสนาม
ผู้เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ ไม่ธรรมดา เพราะมีดิวตี้ฟรีเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของโลก เข้าชิงพื้นที่กับคิงเพาเวอร์ โดยล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี สัญชาติเกาหลีใต้ มียอดขายอันดับ 2 ของโลก รายได้ในปี 2560 อยู่ที่ 4,842 ล้านยูโร มีดิวตี้ฟรีใน 8 ประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เวียดนาม ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ไทย
ทั้งนี้การช่วงชิงระหว่างล็อตเต้ และคิงเพาเวอร์ ที่ผ่านมาก็หํ้าหั่นกันมาโดยตลอด อย่างการประมูลดิวตี้ฟรีที่สนามบินอู่ตะเภาก่อนหน้านี้ ล็อตเต้ ดิวตี้ ฟรีฉายเดี่ยว แม้จะแพ้คิงเพาเวอร์ไป เพราะเสนอผลตอบแทนตํ่ากว่าคิงเพาเวอร์ไป 21 ล้านบาท แต่การประมูลรอบนี้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ล็อตเต้ ควง BA ซึ่งก็มีประสบการณ์ทำดิวตี้ฟรีอยู่บ้างในนามมอร์แดนฟรี มาร่วมประมูลเป็นแพ็กคู่
ขณะที่ ROH ก็ได้พันธมิตร WDFG (World Duty Free Group) มาร่วมเสนอตัว ซึ่ง WDFG UK LIMITED เป็นหนึ่งในธุรกิจดิวตี้ฟรีของ WDFG ที่สหราชอาณาจักร จากธุรกิจทั้งหมดของ WDFG ที่มีอยู่กว่า 550 ร้านค้า ใน 20 ประเทศทั่วโลก ทั้งทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือ และลาตินอเมริกา และที่สำคัญคือ Dufry AG ได้เข้าไปซื้อกิจการ WDFG เมื่อปี 2558
ปัจจุบัน Dufry Group ดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรีกว่า 2,200 แห่งใน 65 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นคู่แข่งในการประมูลกับคิงเพาเวอร์ รอบนี้จึงถือว่าสมนํ้าสมเนื้อ
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การที่เราได้ดึงแบรนด์ดิวตี้ฟรีเบอร์ 1 ที่มียอดขายสูงสุดของโลก อย่างแบรนด์ Dufry จากสวิตเซอร์แลนด์ เข้ามาร่วมประมูลดิวตี้ฟรีในครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่ามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจดิวตี้ฟรีเป็นอย่างดี และเราก็มองว่าเป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้แบบประจำให้เกิดขึ้นกับบริษัทด้วย
คิงเพาเวอร์ได้เปรียบ
ตามไทม์ไลน์ภายใน 1 เดือนคงจะทราบว่าใครจะเป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งแน่นอนว่าคิงเพาเวอร์ ดูจะมีภาษีมากกว่าอีก 2 ราย เพราะด้วยความที่ดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรีในสนามบินมาเป็น 10 ปี ทำให้การนำเสนอแผน หรือเทคนิค ที่มีเกณฑ์การให้คะแนนอยู่ที่กว่า 80% ส่วนคะแนนราคา ก็เชื่อว่าคิงเพาเวอร์ทุ่มสุดตัว เพื่อรักษาฐานที่มั่น ยังไม่รวมคอนเนกชันที่สร้างกันมานานกับหน่วยงานภาครัฐ งานนี้ผู้ท้าชิงแม้จะเป็นดิวตี้ฟรีระดับโลก แต่เมื่อต้องมาลงชิงสนามดิวตี้ฟรีไทยก็คงไม่ง่าย
ถ้าคิงเพาเวอร์พลาด ก็แทบจะไม่ได้กระทบต่อธุรกิจดิวตี้ฟรีในภาพรวม เพราะปัจจุบันรายได้ของคิงเพาเวอร์ ในธุรกิจดิวตี้ฟรีกว่า 1 แสนล้านบาท รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจดิวตี้ฟรีในเมืองสร้างรายได้ 5.61 หมื่นล้านบาท กำไร 3,944 ล้านบาท ดิวตี้ฟรีในสนามบิน รายได้อยู่ที่ 35,633 ล้านบาท กำไร 1,838 ล้านบาท ที่เหลือก็จะเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ประกอบกับบริษัทท่าอากาศ ยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ก็เตรียมจะเปิดประมูล Pick-up counter ที่สนามบินสุวรรณภูมิภายในไม่เกินปีนี้ เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีในเมืองทุกราย สามารถมาส่งมอบสินค้าที่สนามบินได้ ดังนั้นไม่ว่าคิงเพาเวอร์ หรือแบรนด์ดิวตี้ฟรีรายใดที่พ่ายแพ้ในสนามนี้ไป เค้กก้อนใหญ่ยังอยู่ที่การเปิดดิวตี้ฟรีในเมือง
เซ็นทรัล-ไมเนอร์ขอบาย
สำหรับอีก 2 รายที่ถอดใจไป คือ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และบมจ.ไมเนอร์ ที่ไม่ได้มายื่นซองประมูล
ในกรณีไมเนอร์ไม่น่าแปลกใจ เพราะดิวตี้ฟรีเป็นธุรกิจเฉพาะด้านที่ต้องมีพันธมิตรมาร่วมลงทุนจึงประสบความสำเร็จ เมื่อจับคู่ไม่ได้ก็ยากที่จะไปต่อ แถมยังมาตกม้าตาย จากการสอบตกคุณสมบัติในการยื่นประมูลโครงการรีเทล สนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากนำประสบการณ์ของบริษัทลูก อย่างไมเนอร์ ฟู้ด มายื่นเสนอ ทั้งๆ ที่ใน TOR ระบุว่าต้องใช้ประสบการณ์ของบริษัทที่มาซื้อซองเอง จนเหลือแต่ซีพีเอ็น ที่จะแข่งกับคิงเพาเวอร์ ในการประมูลโครงการรีเทล
แต่สำหรับเซ็นทรัลกับดีเอฟเอส ที่ท้ายสุดตัดสินใจไม่ยื่นประมูลดิวตี้ฟรี สร้างความแปลกใจให้หลายฝ่าย
อีกทั้งที่ผ่านมาวงในก็รับรู้กันดีว่ากลุ่มเซ็นทรัลเอง ก็ออกแรงดันอยู่ข้างหลัง ในการออกมาเรียกร้องให้ ทอท.ปรับรูปแบบการประมูลครั้งนี้จากการหาผู้ประกอบการรายเดียว มาเป็นการประมูลตามหมวดสินค้า ท้ายสุดเมื่อทอท.ยืนยันการเปิดประมูลหาผู้ประกอบการรายเดียว ประกอบกับด้วยขนาดพื้นที่ดิวตี้ฟรีของสนามบินสุวรรณภูมิที่มากถึง 1.4 หมื่นตร.ม. เซ็นทรัลกับดีเอฟเอส คงประเมินแล้วว่าโอกาสที่จะชิงชัยคงเป็นเรื่องยาก จึงตัดสินใจไม่ยื่นประมูลในครั้งนี้ ทั้งหลังการเปิดเสรี Pick-up counter เซ็นทรัลเองก็สามารถรุกเปิดดาวน์ทาวน์ ดิวตี้ฟรีร่วมกับดีเอฟเอสได้อยู่แล้วนั่นเอง
รายงาน โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3473 ระหว่างวันที่ 26 - 29 พฤษภาคม 2562
