OECD หั่นจีดีพีโลกเหลือ 3.1% สับจีน-มะกันทะเลาะไม่เลิก ทำโลกสับสน คนไม่กล้าลงทุน
องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ลงจากเดิมที่คาดไว้ว่าจะโต 3.9% เหลือเพียง 3.1% ปัจจัยลบหลักๆมาจากการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งนายเอนเจิล เกอร์เรีย เลขาธิการของโออีซีดี ระบุว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวคือ “ศัตรู” ตัวร้ายของการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“โลกกำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเมื่อจู่ๆการตัดสินใจเปิดศึกทางการค้าก็เริ่มขึ้น แล้วตอนนี้มันไม่เพียงสกัดกั้นการฟื้นตัวที่ว่า แต่ยังฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ชะลอตัวช้าลงไปอีก ซ้ำยังเปิดโอกาสความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่ความเสียหายมากกว่านี้” เลขาธิการโออีซีดีกล่าว และว่าผู้คนต่างพากันคาดหวังว่าทั้งจีนและสหรัฐฯจะสามารถเจรจาหาข้อตกลงกันได้ แต่ปัญหาก็คือการเผชิญหน้ากลับเพิ่มความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ และปัญหาต่อจากนี้ก็คือ ผลกระทบของการเผชิญหน้าเริ่มแผ่วงกว้างขึ้นๆและปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น
โออีซีดีกำลังมีการประชุม “สปริง ฟอรัม” ซึ่งเป็นการประชุมประจำฤดูใบไม้ผลิต ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แม้ประเด็นหลักๆของการประชุมจะเป็นเรื่องความท้าทายรูปแบบต่างๆของความร่วมมือระหว่างประเทศ แนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมถึงอนาคตของงานและการค้า ตลอดจนการแข่งขันในโลกยุตดิจิทัล แต่อุณหภูมิที่พุ่งขึ้นของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯก็ทำให้คาดว่าประเด็นนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในเวทีการประชุมของโออีซีดีเช่นกัน
ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ย่ำแย่ลงไปอีกระดับเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 10% เป็น 25% วงเงินรวม 200,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหลังจากนั้นจีนก็ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่ารวม 60,000 ล้านดอลลาร์ แม้ว่ากระบวนการเจรจาหารือระหว่างทั้งสองฝ่ายเพื่อหาทางออกให้กับข้อขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้น จะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็ไม่มีความหวังในเชิงบวกมากนัก ข้อมูลล่าสุดของเดือนเมษายนที่ผ่านมา ชี้ว่า กิจกรรมด้านการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคกำลังชะลอตัวลงทั้งในฝั่งของจีนและสหรัฐอเมริกา ผู้นำสหรัฐฯย้ำว่า นำพาประเทศชาติมาถูกทางแล้ว การขึ้นภาษีสินค้าจีนกำลังส่งผลให้ปรากฏ และกดดันให้บริษัทนานาชาติที่เคยตัดสินใจเข้าไปลงทุนตั้งฐานการผลิตในจีน ต้องโยกย้ายหนีกำแพงภาษี ออกไปตั้งโรงงานผลิตในประเทศอื่นแทน เช่น เวียดนาม
“ความไม่แน่นอนคือศัตรูตัวร้ายที่สุดของการเติบโต เมื่อคุณไม่ลงทุนเพราะมีความไม่แน่นอนในเวทีการค้า มันก็แน่อยู่แล้วว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจมันจะแผ่วลง และสถานการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เป็นสถานการณ์ที่แย่มากๆ และเป็นเรื่องที่ชวนให้วิตกอย่างยิ่ง” เลขาธิการโออีซีดีกล่าว พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ความไม่แน่นอนทำให้ผู้คนไม่อยากลงทุน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อลงทุนไปแล้วจะมีโอกาสทำกำไรหรือไม่ จะมีช่องทางเข้าสู่ตลาดหรือไม่ ไม่รู้ว่าต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ สถานการณ์แบบนี้ นักลงทุนที่มีเหตุมีผลก็จะชะลอการลงทุนไปก่อน และในส่วนของผู้บริโภค ก็จะชะลอการใช้จ่ายเช่นกัน “การลงทุนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะเติบโตในอนาคต ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลให้โออีซีดี ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงมา”
