จุดเริ่มต้นจากการเปิดโรงพยาบาลสัตว์ ภายใต้ชื่อ “แฮปปี้เพ็ท” เนื่องจากมีสามีที่เป็นสัตวแพทย์ จากวันนั้นถึงวันนี้กว่า 7 ปี ตั้งแต่มีการปรับเปลี่ยนแบรนด์มาสู่ “เพ็ทคลับ” ศูนย์ให้บริการสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัขและแมวแบบครบวงจร ได้ขยายอาณาจักรจนมีทั้งหมด 6 สาขาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ด้วยหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ซึ่ง “สมฤดี ตัณศลารักษ์”กรรมการผู้จัดการบจก.เพ็ทคลับ บอกกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มาจากความตั้งใจ และมุ่งมั่น โจทย์วันแรกถูกตั้งไว้อย่างไรก็ต้องทำให้ได้แบบนั้น โดยเป็นสิ่งสำคัญของงานให้บริการ ซึ่งทุกปัญหาต้องแก้ได้ เพราะปัญหามักจะมาพร้อมกับโอกาสเสมอ
สมฤดี ตัณศลารักษ์
สมฤดี บอกต่อไปว่า แผนการขยายธุรกิจของ เพ็ทคลับ ปีนี้ จะมีการเพิ่มจำนวนสาขาอีก 2 สาขา ได้แก่ 1.เมกาบางนา บนพื้นที่ประมาณ 700 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด เพ็ทเมกามอลล์ โดยจะเป็นห้างสรรพสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งจะเน้นการเป็นสโตร์สินค้าขนาดใหญ่ โดยที่ภายในจะมีการให้บริการ กรูมมิ่ง (Grooming) หรือตัดแต่งขนสุนัข และแมว ซึ่งจะพิเศษด้วยการแยกโซนตัดขนระหว่างสุนัขและแมวออกจากกัน จากบริการปกติที่จะใช้โซนเดียวกัน อีกทั้งยังมีคลีนิก เพื่อแนะนำการให้อาหาร และการเลี้ยงดูด้วย
และ2.โครงการ แอท ยู พาร์ค สุวรรณภูมิ (ATT U Park) ภายใต้แนวคิดการให้บริการเป็นหลัก โดยจะมีครบทั้งส่วนของโรงพยาบาล โรงแรม สระว่ายนํ้า คาเฟ่ และกรูมมิ่ง เรียกว่าเป็นวันสต็อปเซอร์วิส ซึ่งทั้ง 2 สาขาจะสามารถเกื้อหนุนกันได้ เนื่องจากอยู่ไม่ห่างไกลกันมากนะ และเปิดภายใต้แนวคิดต่างกัน อย่างที่เมกาบางนาจะไม่มีบริการโรงแรม เพราะเป็นพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า แต่ลูกค้าก็สามารถเดินทางมาใช้บริการดังกล่าวได้ที่สาขาสุวรรณภูมิ
สมฤดี บอกต่อไปอีกว่า จากกลยุทธ์การขยายตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้รายได้ของแบรนด์เติบโตขึ้นประมาณ 20-30% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 80-100 ล้านบาท โดยจุดเด่นของแบรนด์ และความแตกต่างนั้น อยู่ที่การให้บริการที่ได้มาตรฐาน และพยายามที่จะปรับปรุงเพิ่มขึ้นอยู่สมํ่าเสมอ ซึ่งเกิดมาจากการได้พูดคุยกับลูกค้าโดยตรงถึงความต้องการที่ตอบโจทย์ เสมือนเป็นการทำงานร่วมกัน เป็นสังคมของผู้รักสัตว์ที่จะช่วยให้แบรนด์แข็งแรง และพัฒนาไปด้วยกันกับอุตสาหกรรม
ทั้งนี้เพ็ทคลับจะให้บริการในระบบสมาชิกซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 3 หมื่นราย โดยที่ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ทุกสาขา มีระบบเก็บสะสมแต้มจากยอดซื้อเรียกว่าเป็นเจ้าที่ให้บริการครบ ตั้งแต่ส่วนของสโตร์ที่จะมีหลากหลายสินค้า ของใช้ และบริการด้านต่างๆที่ขึ้นอยู่กับทำเล และขนาดของพื้นที่ เพราะฉะนั้นแต่ละสาขาจึงมีจุดเด่นที่แตกต่างกันด้วย อีกทั้งยังมีเรื่องของพนักงาน ซึ่งทุกคนจะรักสัตว์ มีความเข้าใจในธรรมชาติของสัตว์
“บริการในส่วนของโรงแรม เราจะมีมาตรฐานในการรับพอสมควร โดยจะต้องเป็นสุนัขและแมวที่มีสมุดวัคซีนเพื่อดูว่าฉีดวัคซีนครบหรือไม่ เห็บหมัดหรือโรคผิวหนังจะต้องไม่มี ที่สำคัญคือจะต้องไม่มีโรคประจำตัว เพราะนี่คือโรงแรมไม่ใช่โรงพยาบาล หากเรารับมาแล้วจะต้องมั่นใจว่าดูแลได้ โดยการดูแลจะเป็นแบบระบบปิด ให้อยู่ภายในสถานที่เพื่อป้องกันปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้จากภายนอก ลูกค้าที่เลี้ยงแบบระบบปิดอยู่แล้วจะได้เกิดความมั่นใจเมื่อมาใช้บริการ”
สมฤดี บอกอีกว่า โอกาสทางธุรกิจถือว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมากในระยะยาว เพราะการเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคใหม่ที่มีขนาดเล็กลง (Micro) มากขึ้น มีการแต่งงานน้อยลง หรือมีบุตรน้อยลง และกระแสสังคมของผู้สูงวัย โดยกลุ่มคนเหล่านี้ต้องการมีเพื่อนเพื่อช่วยเรื่องสภาพจิตใจ แบรนด์เพ็ทคลับก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ไม่ใช่เกิดจากแฟชั่น ยิ่งเป็นงานเกี่ยวกับการให้บริการยิ่งต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าแบรนดิ้งเป็นสิ่งที่สำคัญถ้าต้องการสร้างธุรกิจ เพราะแบรนด์จะเป็นที่จดจำของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ โดยธุรกิจต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จจะมีแบรนดิ้งเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยผลักดันธุรกิจ ซึ่งเพ็ทคลับเป็นธุรกิจที่มีผู้เข้ามาใช้บริการจริง ดังนั้น จะต้องได้รับการจดจำและพูดถึง เหมือนคำพูดที่ว่า ซื้อแชมพูที่ไหนก็ได้ แต่ต้องการมาที่เพ็ทคลับ โดยเราใช้ระยะเวลาพอสมควรในการสร้างแบรนด์ ยิ่งเป็นแบรนด์ไทยเรายิ่งต้องพยายามทำให้เป็นมาตรฐาน
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,471 วันที่ 19 - 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562