“สมคิด” ฟันธงพิษสงครามการค้า-การเมืองไทยไม่นิ่งทุบศก.ไทยชะลอตัว

15 พ.ค. 2562 | 05:31 น.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดงาน Exponential Manufacturing Thailand 2019 ที่จัดขึ้นวันนี้(15พ.ค.62)ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ว่า สงครามการค้าจีน-สหรัฐรอบใหม่ ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงแน่นอน บวกกับสหรัฐมองว่า ไทย manipulate หรือแทรกแซงค่าเงินบาท  สภาวะอย่างนี้ก็จะกระทบผู้ส่งออกหนักยิ่งขึ้น แต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยดียังพอรองรับกับภาวะที่เกิดขึ้นได้สักระยะหนึ่ง และหากการเมืองไทยดีขึ้นทุกอย่างจะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย จึงอยากให้การเมืองเร่งมือให้มีความชัดเจนเร็วที่สุด ซึ่งในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้กระทรวงพาณิชย์จะประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกก็จะได้ใช้โอกาสนี้ประชุมกับทูตพาณิชย์ ขณะนี้ได้สั่งการให้เตรียมลู่ทางที่ชัดเจนว่าจะแก้เกมได้อย่างไร เพราะเชิงบวกต่อการส่งออกไทยก็มีเช่นกัน  

“ที่ผ่านมาคิดโครงการช่วยลดการชะลอตัวเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอลงเร็ว แต่กลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโซเชียลจึงไม่ได้ดำเนินการ  ช่วงนี้เวียดนามได้ประโยชน์สูงสุด เพราะการเมืองนิ่งไม่ใช่ไทยที่การเมืองไทยยังไม่ลงตัว การลงทุนในไทยจึงชะลอตัว เพราะนักลงทุนรอความชัดเจน แต่อย่ากลัว เชื่อว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น แต่หากสงครามการค้าจีน-สหรัฐยืดเยื้อ บวกกับปัญหาการเมืองไทยไม่นิ่ง ก็จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวได้”

อย่างไรก็ตามใน เดือนมิถุนายนรัฐบาลจีนจะนำคณะนักลงทุนจีนมาดูลู่ทางการลงทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี เพิ่มเติม เพื่อสานต่อโครงการเส้นทางสายไหม ซึ่งรัฐบาลไทยพยายามที่จะสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย จีน กับญี่ปุ่น 

สำหรับสงครามการค้าส่งผลกระทบหนักกับประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก โดยเฉพาะประเทศไทยที่พึ่งพิงการส่งออกถึง70 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)  โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับไทยอาจหนักพอ ๆ กับประเทศมาเลเซียและเกาหลีใต้ เพราะสินค้าหลักส่งออกของไทยล้วนได้รับผลกระทบ ทั้งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน สินค้ากลุ่มไอที สินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เป็นผลจากโครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยแคบ  

นายสมคิด กล่าวอีกว่า ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่แท้จริง คือ โครงสร้างเศรษฐกิจที่ขณะนี้ภาพรวมผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำและผลิตภาพต่ำ ค่าจ้างแรงงานจึงไม่ได้รับการปรับขึ้น การผลิตส่วนใหญ่เน้นส่งออก เพราะในประเทศอำนาจซื้อไม่เพียงพอ ที่ส่งออกสินค้าได้อาศัยปัจจัยเงินบาทอ่อน  ผู้ส่งออกไทยส่วนใหญ่ไม่แข็งแรง โดยมีรายใหญ่ประมาณ 20 บริษัทที่แข่งขันทั่วโลกได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคของเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจไทยจึงโตได้ดีสุดเพียงร้อยละ 4.8 ไม่ถึงร้อยละ 5 เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเข้ามากระทบเศรษฐกิจไทยจึงชะลอตัวลง เพราะไทยพึ่งพิงการส่งออก ขณะที่คนยากจนยังมีอยู่ เพราะถูกตัดโอกาส อย่างไรก็ตาม หากนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจะแก้ไขปัญหาได้ 

 สำหรับในภาคการผลิตประเทศไทยมีการคิดพัฒนา 10 อุตสาหกรรเป้าหมาย แต่ที่สำคัญ คือ ภาคการเกษตร ซึ่งขณะนี้รัฐบาลไทยมีความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นนำ IoT และ BigData เข้ามาจะช่วยพลิกโฉมภาคการผลิตไทยให้เปลี่ยนแปลง เพื่อช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทขนาดใหญ่

 “สมคิด” ฟันธงพิษสงครามการค้า-การเมืองไทยไม่นิ่งทุบศก.ไทยชะลอตัว