"11พรรคเล็ก"แถลงจุดยืนหนุน"บิ๊กตู่-พปชร."ยันทำเพื่อประเทศชาติ

"11พรรคเล็ก"แถลงจุดยืนหนุน"บิ๊กตู่-พปชร."ยันทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ก้าวก่ายตั้งครม. ย้ำทำไม่ดีพร้อมคัดค้าน ด้าน “อุตตม”ย้ำทุกพรรคเป็นหุ้นส่วนในการทำงานร่วมกัน

 วันนี้ (13 พ.ค.2562) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดเล็กทั้ง 10 พรรค ประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย, พรรคประชาภิวัฒน์, พรรคไทยศรีวิไลย์, พรรคพลังไทยรักไทย, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคประชาธรรมไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคไทยรักธรรม และพรรคประชานิยม ร่วมแถลงจุดยืนการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง

นายสัมพันธ์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองอยู่ในช่วงชุลมุน ประชาชนหลายคนอาจสับสน ว่าหลังเลือกตั้งจะไปยังไงต่อ หากเราไม่ตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อ ผู้เสียโอกาสคือประชาชนผู้มีรายได้น้อย พวกเราทั้งหมด จึงหารือร่วมกัน ก่อนจะมาแถลงจุดยืนให้ประชาชนได้รับทราบว่า ทั้ง 11 พรรคจะสนับสนุนให้มีรัฐบาลโดยเร็ว ส.ส.ทั้ง 11 คน มั่นใจว่าจะยกมือสนับสุนนเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ส่วนจะตั้งรัฐบาลแบบไหน พวกเราคงไม่ก้าวก่าย และพวกเราจะสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

"เราทั้ง 11 คน ยังเป็น ส.ส.หากรัฐบาลทำดี เราตั้องสนับสนุน แต่ถ้ามีรัฐมนตรีท่านใดทำงานผิดไปจากความเป็นจริง พวกเราทั้ง 11 คน พร้อมจะคัดค้าน และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน เช่นเดียวกับนักการเมืองท่านอื่นๆ" นายสัมพันธ์ ระบุ

ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค ตนไม่ได้คิดว่าเป็น ส.ส.แต่เป็นตัวแทนของประชาชนทั้ง 60,358 เสียง ที่เลือกมา ซึ่งนโยบายทั้ง 10 ข้อ ยืนยันว่าจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ การเข้าร่วมกับพรรค พปชร.เป็นความจำเป็นที่ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ ตนไม่ต้องการให้กลุ่มนักการเมืองมาต่อรองกัน เพราะบ้านเมืองจะเสียโอกาส เพราะฉะนั้นพวกเราจึงมีฉันทามติในการผ่าทางตัน เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้

"พวกเราทุกคนต้องการเปิดสวิตช์ประเทศไทย ให้เดินหน้าได้ จึงตัดสินใจอย่างไม่ลังเลในการร่วมงานกับพรรค พปชร. สำหรับพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ผมขอร้องให้มาร่วมกันทำงาน หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกัน แต่ฝ่ายค้านไม่ต้องเสียใจ ผมจะเป็นอีกหนึ่งคนที่มาช่วยท่านในการตรวจสอบถ่วงดุลพรรค พปชร. ใช่ว่าพวกเราสนับสนุน แล้วจะทำอะไรตามใจชอบได้ แต่เรื่องที่ไม่ดีก็ต้องคัดค้าน เพราะนโยบายของเราคือการปราบโกง และการปกป้องคนจน ถึงผมจะยกมือสนบัสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ไม่ใช่ใจทั้งหมดจะยกให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลในสิ่งที่ถูกต้อง"

ขณะที่ พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ หัวหน้าพรรคประชานิยม กล่าวว่า ตนจะปฏิรูปตำรวจ ในด้านสวัสดิการ โครงสร้าง เมื่อตำรวจอยู่ดี ค่อยปรับปรุงคุณภาพการทำงาน ซึ่งเตรียมรายละเอียดไว้แล้ว และเชื่อว่ารัฐบาลจะนำนโยบายนี้ไปดำเนินการ หากจะปฏิรูปทั้งโครงสร้างนั้นไม่มีทางสำเร็จ แต่ต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน

 ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาประมาณ 14.30 น.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ได้เข้ารับมอบหนังสือแสดงเจตจำนงที่ลงนามร่วมกันโดยหัวหน้าพรรคทั้ง 11 พรรค ว่าจะเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ 

นายอุตตม กล่าวว่า ขอขอบคุณจากใจจริงที่ทุกท่านซึ่งเป็นตัวแทนทั้ง 11 พรรคการเมือง ตกลงใจจะมาร่วมงานกับเราในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า เราเห็นตรงกันว่าประชาชนกำลังรออยู่เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างราบรื่น เกิดประโยชน์แก่ประเทศโดยรวม วันนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้า ทุกพรรคมาร่วมงานกันถือเป็นหุ้นส่วนกันในการทำงาน โดยสามารถปรึกษา แนะนำ ท้วงติงกันได้

เมื่อถามว่าตอนนี้รวบรวมจำนวนเสียงได้เท่าไหร่แล้ว นายอุตตม กล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ในเรื่องจำนวนเสียง ยังมีเวลาในการพูดจากับพรรคที่จะร่วมงานกับเรา ในส่วนของการร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่าเราให้เกียรติทุกพรรคที่มีกระบวนการภายในเพื่อตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการเข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ หวังว่าเราจะมาพูดคุยกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าและจัดตั้งรัฐบาล

ส่วนการดำเนินนโยบายของพรรคเล็กที่มาร่วมกับเรานั้น ชัดเจนว่า จุดยืนเราคือจะต้องหารือร่วมกันในเรื่องการดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประเทศ เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นประโยชน์และให้เห็นผลเป็นรูปธรรมออกมา

เมื่อถามถึงการให้โควต้ารัฐมนตรี นายอุตตม กล่าวว่า เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีไม่มีเงื่อนไขอะไรอย่างนั้น เราพูดคุยกันเพื่อประโยชน์ประเทศ ส่วนเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้าใจ การร่วมใจกันทำงาน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำงานเพื่อประเทศ ตรงนี้สำคัญที่สุด