พีระพันธุ์' ประกาศ 'สู้ศึก' หวังชิงหัวหน้าพรรค ปชป.

12 พ.ค. 2562 | 07:15 น.

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ประกาศสู้ศึก ต้องการชนะเพื่อมีโอกาสทำงานให้พรรค ยัน ทุกตำแหน่งเท่าเทียมกัน “หัวหน้า-เลขาฯพรรค” แค่หัวโขน ไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ของพรรคอีกต่อไป

 

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจจะเข้ามาแข่งขันเพื่อเป็นหัวหน้าพรรค กระทั่งมีกลุ่มเพื่อนทั้งที่เคยอยู่ในและนอกพรรคโทรศัพท์มาพูดคุยหลายสิบสาย เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เข้ามาปรับปรุงแก้ไขปัญหาภายในพรรค ได้ใช้โอกาสนี้นำแนวความคิดที่ได้เคยหารือกับเพื่อน กับคนในพรรคมาแลกเปลี่ยนเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงพรรค ดังเช่นที่เคยคุยกันเอาไว้

พีระพันธุ์' ประกาศ 'สู้ศึก' หวังชิงหัวหน้าพรรค ปชป.

 “ผมไม่ได้สนใจว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคแต่สนใจที่จะมาทำงานให้พรรค หากได้รับเลือก ผมจะไม่ใช่หัวหน้าพรรค ส่วนคนที่เป็น เลขาธิการพรรค ก็ต้องไม่คิดว่า ตัวเองเป็น เลขาฯพรรค ตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เป็นเพียงหัวโขน เราจะทำงานร่วมกันด้วยสถานะที่เท่าเทียมกัน หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคจะไม่ใช่จะไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ของพรรคอีกต่อไป”

 

พีระพันธุ์' ประกาศ 'สู้ศึก' หวังชิงหัวหน้าพรรค ปชป.

รวมถึงการบริหารจัดการพรรคต้องไม่รวมศูนย์อำนาจโดยต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารพรรคเพื่อให้ทุกคนในพรรคเป็นเพื่อนร่วมงานเหมือนกัน และต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาทำงานกับพรรค ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. อดีตส.ส. รวมถึงสมาชิกพรรคธรรมดาทั่วไป ตลอดจนผู้ที่สนใจอยากเข้ามาช่วยงานพรรคด้านต่างๆ

 

การบริหารจัดการภูมิภาคจะมีรูปแบบของคณะกรรมการเพื่อให้คนในพื้นที่ในจังหวัดต่างๆเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลพื้นที่เข้าร่วมกับ รองหัวหน้าพรรคประจำภาค ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเพื่อทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมจริงๆ  ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆ ผมคิดว่าเรามีความตั้งใจอย่างเดียวว่า เราจะเข้ามาทำงาน ไม่ได้ต้องการชนะเพื่อไปเป็นหัวหน้า แต่ต้องการชนะเพื่อให้มีโอกาสไปทำงานให้พรรค 

 

สำหรับกระแสข่าวว่ามีการทาบทามให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายพีระพันธุ์ ให้ความเห็นว่า ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่า ใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่อยู่ในสถานะเป็นแกนนำ พูดกันเองก็เสียมารยาท จะพูดเรื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อได้รับการติดต่อ ทาบทามจากคนที่มีสถานะเป็นแกนนำ ตอนนี้ยังไม่มีและยังไม่มีใครมาติดต่อทาบทาม จะไปบอกว่า ร่วมกับใครคงเป็นไปไม่ได้ 

 

“ผมพูดได้อย่างเดียวว่า ถ้าผมได้เป็นผู้บริหารพรรค แนวทางของผม คือ พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคที่ทำงานเพื่อปกป้องเทิดทูน 3 สถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และทำงานการเมืองด้วยความจงรักภักดี เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองนำหน้า และทำให้พรรคเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เพราะฉะนั้น ถ้าพรรคการเมืองมีแนวทางเดียวกันแบบนี้ ไปด้วยกันแบบนี้ ถ้าบังเอิญว่า พรรคนั้นได้เป็นรัฐบาล ผมก็อยู่กับรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่ได้เป็นอย่างนี้ ผมก็ไม่เอา แต่พรรครัฐบาลเป็นแนวทางนี้ยึดมั่นแบบนี้อย่างชัดเจนและจริงจัง ผมก็เอาด้วย แต่ผมคงพูดไม่ได้ถ้าเขาไม่เชิญผม”